หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้
เรื่องของอาหารสุขภาพรวมถึงน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพนั้นสมัยนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากค่ะ เราเลยได้โอกาสนำประโยชน์ของน้ำผักผลไม้และสรรพคุณของน้ำผักผลไม้มาฝากกันอีกด้วยค่ะ เพื่อให้คุณผู้หญิงหรือใครก็ตามที่ชอบรักษาสุขภาพได้ลองเลือกน้ำผักผลไม้ได้อย่างตรงตามเป้าหมายในสุขภาพของคุณค่ะ เพราะใน ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้ นั้นมีมากมายทีเดียวและวันนี้เราก็นำ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้ รวมถึง สรรพคุณของน้ำผักผลไม้ แต่ละชนิดมาฝากกันอีกด้วยค่ะ ใครอยากรู้ก็มาดูประโยชน์ของน้ำผักผลไม้และสรรพคุณของน้ำผักผลไม้กันได้เลยค่ะ

น้ำขจัดสารพิษหากขาดน้ำร่างก่ายก็ไม่สามารถอยู่ได้เพราะน้ำจะช่วยลำเลียงสารอาหารไปยังเซลล์ต่าง ๆ ช่วยขจัดสารพิษปรับระดับอุณหภูมิให้ร่างกายดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละประมาณ 1.5 ลิตร
- ชา

ป้องกันโรคฟันผุ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ ไม่มีแคลอรี ในชาเขียวและชาดำมีฟูลออไรด์เป็นจำนวนมากที่จะช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและยับยั้งฟันผุ เพื่อให้ได้ผลควรดื่มชาร้อนหรือชาอุ่น ๆ และไม่ควรดื่มชาที่เหลือค้างคืน

- โยเกิร์ต

ช่วยขจัดสารพิษ และโยเกิร์ตมีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งมีความสำคัญสำหรับน้ำในร่างกาย นอกจากนี้โยเกิร์ตยังมีประโยชน์สำหรับดวงตาและผิวกรดนมในโยเกิร์ตช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายและให้ประโยชน์กับแบคทีเรียในลำไส้



- นม

ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และในนมมีโปรตีนสูงซึ่งง่ายต่อการย่อยและมีแคลเซียมสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในวัยชราและกรดไขมันในนมจะช่วยให้เส้นเลือดยืดหยุ่น

- น้ำแอปเปิ้ล

ป้องกันมะเร็ง น้ำแอปเปิ้ลสด ๆ มีคุณค่ามากที่สุดช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนพลังและป้องกันมะเร็งช่วยให้มีสมาธิ สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ต้องเป็นแอปเปิ้ลที่ไม่ผ่านการแว็กซ์ หากไม่แน่ใจก็ปอกเปลือกแอปเปิ้ลทิ้งแม้ว่าเปลือกของมันจะมีประโยชน์ก็ตาม



- น้ำลูกแพร์

ป้องกันความเครียด มีกรดโฟลิกสูงซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขช่วยให้มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส



- น้ำผัก

ป้องกันโรคอ้วนเหมาะสำหรับเด็กเป็นอย่างยิ่งเพราะมีน้ำตาลต่ำกว่าน้ำผลไม้และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ควรดื่มน้ำผักสดที่ปั่นเเองและไม่เติมน้ำตาลที่สำคัญคือควรเป็นผักปลอดสารพิษ

- น้ำแครอท

บำรุงสายตาและป้องกันมะเร็งเพื่อให้การดูดซึมวิตามินเอจากแครอทได้ดีขึ้นควรรับประทานอาหารที่มีไขมันตามไปด้วย แต่ก็ไม่ควรดื่มน้ำแครอทมากเกินไปเพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเนื่องจากวิตามินเอจะถูกกักเก็บไว้ในตับ



- น้ำมะเขือเทศ

ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและช่วยให้ผิวอ่อนวัย ถ้าอยากดื่มน้ำมะเขือเทศให้อร่อยควรเติมพริกไทยและเกลือลงไปด้วย ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีนซึ่งจะช่วยป้องกันมะเร็งและป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัย หากเป็นมะเขือเทศทีผ่านการทำให้สุกด้วยความร้อนก็จะยิ่งมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศดิบ ที่สำคัญคือไม่ควรดื่มน้ำมะเขือเทศที่เย็นจัด

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

World Water Day

World Water Day has been observed on March 22 since 1993 when the United Nations General Assembly declared March 22 as World Day for Water.

This day was first formally proposed in Agenda 21 of the 1992 United Nations Conference on Environment and Development (UNCED) in Rio de Janeiro, Brazil. Observance began in 1993 and has grown significantly ever since; for the general public to show support, it is encouraged for the public to not use their taps throughout the whole day, the day has become a popular Facebook trend.

The UN and its member nations devote this day to implementing UN recommendations and promoting concrete activities within their countries regarding the world's water resources. Each year, one of various UN agencies involved in water issues takes the lead in promoting and coordinating international activities for World Water Day. Since its inception in 2003, UN-Water has been responsible for selecting the theme, messages and lead UN agency for the World Day for Water.


In addition to the UN member states, a number of NGOs promoting clean water and sustainable aquatic habitats have used World Day for Water as a time to focus public attention on the critical water issues of our era. Every three years since 1997, for instance, the World Water Council has drawn thousands to participate in its World Water Forum during the week of World Day for Water. Participating agencies and NGOs have highlighted issues such as a billion people being without access to safe water for drinking and the role of gender in family access to safe water. In 2003, 2006 and 2009, the UN World Water Development Report was launched on the occasion of the World Water Day. The fourth Report is expected to be released around March 22, 2012.[citation needed]

March 22, 2011 - World Water Day. Water for cities: responding to the urban challenge

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

น่ารู้! สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร


วันนี้เรามีสมุนไพรช่วยย่อยอาหารมาฝากคนรักสุขภาพและชอบที่จะดูแลตัวเองค่ะ สำหรับ สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร นี้จะเหมาะอย่างมากกับคนที่มักจะมีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้องอยู่เป็นประจำ ซึ่ง สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร ที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ช่วยคุณได้แถมยังไม่ต้องพึ่งยาเลยนะจ๊ะขอบอก ก็แหม๋อะไรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรก็ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยในการรักษาหรือทำให้อาการของคุณนั้นบรรเทาเบาบางลงไปได้อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ นั้นอย่ารอช้าเลยดีกว่าเรามาดูสมุนไพรช่วยย่อยอาหารกันเลยค่ะว่าจะมีอะไรกันบ้างน๊า...
7 สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร
1. กระเทียม
กระเทียมเป็นสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพหลายด้านเมื่อรับประทานเข้าไปสารในกระเทียมจะช่วยเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหารและยังแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย มีของฝากพิเศษสำหรับคนที่มีอาการจุกเสียดแน่นเนื่องจากอาหารไม่ย่อยอยู่บ่อย ๆ ให้นำกระเทียมปอกเปลือกนำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียดรับประทานกับน้ำหลังมื้ออาหารอาการจะค่อย ๆ หายไป


2. หอมเล็ก
มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ไกลโคไซด์ (Glycosides) เพคติน (Pectin) และกลูโคคินิน (Glucokinin) ช่วยย่อยอาหารและทำให้เจริญอาหาร หอมเล็กสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิดโดยเฉพาะยำต่าง ๆ


3. พริกสด
พริกทุกชนิดไม่ว่าจะเผ็ดมากเผ็ดน้อยก็ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายให้ออกมามากซึ่งเอนไซม์ในน้ำลายนี้จะช่วยย่อยสลายแป้งในปาก นอกจากนี้ยังพบว่าพริกขี้หนูรสเผ็ดร้อนช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร และขับลมได้ดี พริกอยู่ในสำรับไทยหลากหลายเมนูแต่อย่าเผลอกินเผ็ดจนท้องไส้ปั่นป่วนนะคะ

4. ข่า
ข่ามีฤทธิ์ขับน้ำดีจึงช่วยย่อยอาหารเช่นกันวิธีที่ดีที่ทำให้เรากินข่าได้อร่อยเหมือนผักอื่น ๆ ก็คือ เวลานำข่ามาใส่อาหารให้หั่นข่าเป็นชิ้นเล็ก ๆ

5. ตะไคร้
ตะไคร้มีสารช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยย่อย ถ้าจะให้กินตะไคร้สด ๆ ก็คงไม่น่าอร่อยเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นน้ำพริกตะไคร้หรือชาตะไคร้ก็อร่อยไม่เบา

6. ใบแมงลัก
ใบแมงลักมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะเฉพาะหอมโล่งจมูกและน้ำมันหอมระเหยหอม ๆ นี้เองที่มีฤทธิ์ในการช่วยย่อยอาหารคุยเรื่องใบแมงลักก็คิดถึงแกงเลียงทุกที


7. ใบกะเพรา
มีฤทธิ์ขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป


สมุนไพรทั้ง 7 ชนิด นี้ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยมากวนใจ ทางที่ดีปลูกไว้ในบ้านก็ได้เพราะปลูกง่ายทุกชนิด

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

เเตงโมประโยชน์อันเหลือเชื่อ

แตงโมเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติเย็น จะช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง บรรเทาแผลในปาก เปลือกแตงโมนำไปต้มเดือด แล้วเติมน้ำตาลทราย ดื่มเพื่อป้องกันเจ็บคอ สิ่งที่ได้จากการบำรุงผิวหน้าด้วยแตงโม คือ ความเย็นของแตงโมช่วยผ่อนคลายผิวด้านนอกให้สดชื่น สารสีแดงจากแตงโม ที่เรียกว่า ไลโคปีน ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ นอกจากช่วยในการบำรุงหัวใจ รวมถึงมะเร็งแล้ว ยังสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิตในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ ช่วยให้รูขุมขนมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น อีกทั้งในน้ำแตงโม มีโมเลกุลของน้ำตาลอยู่พอประมาณ รวมทั้งกรดอะมิโนอีกเล็กน้อย ช่วยในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพ หลังการออกกำลังกาย

ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพ หลังการออกำลังกาย
เมื่อคุณออกกำลังกายเสร็จสิ่งหนึ่งที่จะช่วยคุณในการทำให้ร่างกายแข็งแรงและ ทำงานได้ดีขึ้นนั้นคือ อาหารและวันนี้เราก็มีเมนูประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพมาฝากกัน เพราะเมื่อออกกำลังกายแล้วแน่นอนค่ะว่าเราการย่อมสูญเสียพลังงานต่าง ๆ และแน่นอนว่า ร่างกายของเราก็ต้องการบางสิ่งมาทดแทนแต่ก็ควรเป็นอะไรที่พอดีกับร่างกายของเราด้วย และเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมอาหารที่ร่างกายต้องการจริง ๆ แล้วและเป็นเปลี่ยนแปลงให้ร่างกายของคุณฟื้นฟูดีขึ้น ฉะนั้นเห็นความสำคัญใน ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพ กันรึยังค่ะ ว่าแล้วเราก็มาดูกันเลยดีกว่าเราควรจะทานอะไรกันดีหลังจากที่ร่างการต้องสูญเสียเหงื่อไปเนี่ย
ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพ
เมนู 1 สับปะรด และ มะละกอ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ดี เพราะในผลไม้ทั้งสองชนิดนี้มีเอนไซม์บรอมีเลนและปาเปน ที่นอกจากจะช่วยย่อยโปรตีนแล้วยังป้องกันการอักเสบช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีหลังการออกกำลังกาย

เมนู 2 แซลมอน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด นักวิจัยในออสเตรเลียพบว่า นักปั่นจักรยานที่ได้รับไขมันปลาแซลมอนติดต่อกันถึง 8 สัปดาห์ จะมีอัตราการเต้นของหัวใจช้าลงและเกิดอาการหอบเหนื่อยน้อยลงขณะปั่นจักรยาน

เมนู 3 แซนด์วิชเนยถั่วผสมแยม หรือจะเป็น พาสตาซอสเนื้อ ก็ได้ จัดเป็นอาหารที่ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เพราะโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต

เมนู 4 เนื้อหมูสันใน (เนื้อในส่วนที่ไม่มีมัน) เป็นแหล่งโปรตีนที่มีแคลอรีต่ำ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ในแคนาดา พบว่า การรับประทานโปรตีนแคลอรีต่ำให้มากขึ้นบวกกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจช่วยลดไขมันตรงส่วนเอวลงได้

เมนู 5 นม ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสมที่สุดในการช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวหลังการออกกำลังกายดีกว่าน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเกลือแร่เสียอีก เนื่องจากนมอุดมไปด้วยโปแตสเซียมซึ่งช่วยเรื่องการเต้นของหัวใจ และการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง และหากเติมช็อกโกแลตลงไปด้วยจะช่วยให้นมมีความสมดุลของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

เมนู 6 กาแฟ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจอร์เจียในสหรัฐ พบว่า ถ้าร่างกายได้รับกาเฟอีนในปริมาณที่เท่ากับการดื่มกาแฟ 2 ถ้วย หลังออกกำลังกายจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้มาก เพราะกาเฟอีนจะไปยับยั้งสารเคมีที่กระตุ้นให้เกิดการเจ็บปวด

เมนู 7 น้ำเย็น สามารถดื่มได้ทั้งก่อนและขณะออกกำลังกายเพราะจะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นและน้ำเย็นยังช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย

เมนู 8 ชาเขียว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ในบราซิลพบว่า ผู้ที่ดื่มชาเขียววันละ 2 ถึง 3 แก้ว อาจช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หลังออกกำลังกายอย่างหนัก

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

13 มีนาคม วันช้างไทย


วันช้างไทย ริเริ่มจากคณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงาน องค์การภาครัฐและเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างไทยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเล็งเห็นว่าหากมีการสถาปนาวันช้างไทยขึ้น จะช่วยให้ประชาชนคนไทย หันมาสนใจช้าง รักช้าง หวงแหนช้าง ตลอดจนให้ความสำคัญต่อการให้ความช่วยเหลืออนุรักษ์ช้างมากขึ้น

คณะอนุกรรมการฯ จึงได้พิจารณาหาวันที่เหมาะสม ซึ่งครั้งแรกได้พิจารณาเอาวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา แต่วันดังกล่าวถูกใช้เป็นวันกองทัพไทยไปแล้ว จึงได้พิจารณาวันอื่น และเห็นว่าวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการคัดเลือกสัตว์ประจำชาติ มีมติให้ช้างเผือกเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยนั้นมีความเหมาะสม จึงได้นำเสนอมติตามลำดับขั้นเข้าสู่คณะรัฐมนตรี โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกทางหนึ่ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 เห็นชอบให้ วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็น วันช้างไทย และได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2541

ผลจากการที่ประเทศไทยมีวันช้างไทยเกิดขึ้น นับเป็นการยกย่องให้เกียรติว่าเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอีกครั้ง นอกเหนือจากเกียรติที่ช้างเคยได้รับในอดีต ไม่ว่าจะเป็นช้างเผือกในธงชาติ หรือช้างเผือกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หรือสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

เสน่ห์ของนอร์เวย์




ภาพวิวสวย วิวสวยของภูเขา ทะเลของนอร์เวย์ เมืองท่องเที่ยวแสนมีเสน่ห์ของนอร์เวย์ ประเทศที่น่าอยู่อันดับต้นๆ ของโลก พร้อมกิจกรรมอันน่า
สนใจมากมาย ทั้งปีนเขา แล่นเรือแสนสนุกกลางทะเล


วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

10 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

1.เมืองแคลกะรี ประเทศแคนาดา

2.เมืองโฮโนลูลู ฮาวาย ประเทศอเมริกา

3.กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์

4. กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา

5. เมืองมินนีแอโพลิส ประเทศอเมริกา

6. กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์

7.กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน

8.เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์

9.เมืองคัทสึยาม่า ญี่ปุ่น

10.กรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

อ่าวมะนาว


บรรยากาศบริเวณอ่าวมะนาวอ่าวมะนาว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งใน อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร บริเวณอ่าวมะนาวมีทิวทัศน์สวยงาม ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจได้ และมีบริการบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว อ่าวมะนาวอยู่ในการควบคุมดูแลของกองบิน 5 และเคยเป็นยุทธภูมิในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2


แหล่งท่องเที่ยวในอ่าวมะนาว
อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5 และ อนุสาวรีย์วีรชน 8 ธันวาคม 2484 เป็นอนุสาวรีย์เพื่อให้อนุชนของไทยมีจิตสำนึกและรักใคร่สามัคคี
เขาล้อมหมวก บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระบรมสารีริกธาตุ

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

กินลูกเชอร์รี่ต้านโรคเบาหวาน


กินลูกเชอร์รี่ต้านโรคเบาหวาน
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกน รายงานว่าพบสารเคมีที่มีอยู่ในผลลูกเชอร์รี่ มีสรรพคุณสามารถจะต่อสู้รับมือกับโรคเบาหวานได้อย่างเหมาะเหม็ง
คณะนักวิจัยได้รายงานอยู่ในวารสาร “เคมีด้านเกษตรกรรมและโภชนาการ” ของสมาคมเคมีแห่งอเมริกันว่า สารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในลูกเชอร์รี่ มีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยโรคเบาหวานลงได้
โดยได้ พบจากการทดลองในห้องปฏิบัติการกับเซลล์ตับอ่อนของสัตว์ สารเคมีที่มีชื่อว่า “แอนโทรไซยานิน” อันเป็นรงควัตถุ สีม่วงแดงมีอยู่ในถุงของเหลวของพืช ทำให้ดอกไม้และส่วนอื่นๆของพืช เช่น เปลือก ผลมีสีม่วง และแดงตามไปด้วยนั้น ได้ช่วยให้มันสามารถผลิตอินซูลินได้เพิ่มสูงขึ้นได้อีกถึง 50%
นักวิจัยกล่าวว่า สารประกอบทางเคมีเหล่านั้น ยังแสดงให้เห็นว่า นอกจากจะช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ทั้ง 2 ชนิดแล้ว ยังจะช่วยควบคุมระดับกลูโคสในเลือดของผู้ป่วยได้อีกด้วย
สารแอนโทรไซยานิน ยังมีสรรพคุณเป็นตัวล้างพิษที่มีอำนาจ จึงมีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งได้ด้วย

มหัศจรรย์พลังผัก 5 สี


มหัศจรรย์พลังผัก 5 สี
"ปัจจุบันคนทั่วโลกกำลังตื่นเต้นกับเรื่องผัก รู้ไหมว่าองค์กรระหว่างประเทศ องค์การอนามัยโลก กับยูนิเซฟจับมือกันเพื่อจัดให้มี การรณรงค์การกินผักผลไม้ให้เป็นวาระของโลกเป็น Global Agenda เพราะการกินผักของคนทั่วโลกลดลงอย่างน่าใจหาย” อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ อุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวในการบรรยาย เรื่อง มหัศจรรย์แห่งพลังผัก 5 สี สานสายใยรักในครอบครัว ซึ่งจัดโดยบริษัทแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส จำกัด

การกินผักเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา มนุษย์เรากินผักกันมาช้านาน แต่ระยะหลังกลับหลงลืมกันไป เหมือนเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา

ปัจจุบันการกินผักผลไม้ของคนไทยลดลงอย่างน่าใจหาย นำมาซึ่งการเป็นโรคต่าง ๆ มากมาย อาทิ โรคหัวใจ หลอดเลือด เบาหวาน มะเร็ง

จากการสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการของประเทศไทย โดยกองโภชนาการ กรมอนามัยพบว่า ปัจจุบันคนไทยกินผักในอัตรา ที่ลดลงเรื่อย ๆ ปัจจุบันเด็กไทยกินผักคนละช้อนครึ่งต่อคนต่อวัน และผู้ใหญ่กินผักคนละ 2 ช้อนครึ่งต่อคนต่อวัน

ขณะที่ คำแนะนำของกองโภชนาการระบุ เด็ก ต้องกินผักคนละ 12 ช้อนต่อคนต่อวัน ส่วนผู้ใหญ่ควรกินผัก 24 ช้อนต่อคนต่อวัน

มหัศจรรย์พลังผัก 5 สีประกอบไปด้วย เขียว เหลือง แดง ม่วง ขาว ซึ่งแต่ละสีก็จะให้คุณประโยชน์ที่แตกต่างกันไป

การกินผักผลไม้ก่อให้เกิดมหัศจรรย์ 3 อย่าง อย่างแรกคือ คนที่กินผักผลไม้เป็นประจำมักเจ็บป่วยน้อยกว่าคนไม่กินผักผลไม้เลย หรือเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย ผู้ที่กินผักผลไม้เป็นประจำก็จะสามารถปรับสภาพได้เร็วกว่าคนไม่กินผัก โดยองค์การอนามัยโลกฟันธงชี้ชัดว่าเป็นเพราะผักผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค

มหัศจรรย์อย่างที่สองคือ ในผักผลไม้มีวิตามินซี มีเบต้าแคโรทีน มีสารต้านอนุมูลอิสระ คนที่กินผักผลไม้เป็นประจำจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งบางชนิดน้อยกว่าคนไม่กินผักผลไม้

มหัศจรรย์อย่างสุดท้ายคือ ในผักและผลไม้มีไฟเบอร์ หรือใยอาหาร จะเกาะตัวกันเป็นก้อน ไหลผ่านลำไส้ กระเพาะ ขณะที่ไหลก็จะดักจับไขมัน น้ำตาล สารก่อมะเร็ง และสารพิษต่าง ๆ ที่ติดเข้าไปกับอาหาร เก็บไว้ในลำไส้ใหญ่ก่อนขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระ

การที่เด็กไทยให้ความสนใจกับการกินผักผลไม้ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ทั้งที่รู้ว่าผักและผลไม้มีประโยชน์มากมาย อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ กล่าวว่า เป็นเพราะแม่บ้านยุคใหม่ทำกับข้าวไม่เป็น ต้องฝากเรื่องปากท้องไว้กับคนนอกบ้าน ส่วนใหญ่อาหารที่ซื้อให้ลูกรับประทานก็เป็นอาหารประเภทสำเร็จรูปที่ไม่มีผักปน

“เมื่อเด็กไม่ได้ถูกฝึกให้กินผัก โตขึ้นก็จะไม่กินผัก เรื่องแบบนี้จะไปโทษเด็กไม่ได้ ต้องโทษผู้ใหญ่ ที่ไม่รู้จักฝึกให้เด็กกินผัก และถ้าเด็กบ้านไหนไม่กินผักผู้ใหญ่ก็ไม่ควรไปตี หรือบังคับกดคอให้ลูกกินผัก แต่ควรหันกลับมานั่งวิเคราะห์ว่าทำไมลูกถึงไม่กินผัก แล้วค่อย ๆ หาวิธีให้ลูกกินผักทีละน้อย ๆ จะดีกว่า”

วิธีที่จะให้เด็กกินผักนั้นควรเริ่มตั้งแต่แม่ที่ตั้งครรภ์ ควรกินผักให้มาก ๆ เพื่อให้ลูกในครรภ์ได้รับรู้และคุ้นเคยกับกลิ่นของอาหารที่มีผัก หลังคลอดพ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี กินผักและผลไม้ให้ลูกเห็นเป็นประจำ

สำหรับเด็กที่โตแล้วแต่ยังไม่ยอมกินผักสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธี ง่าย ๆ ด้วยการฝึกให้เด็กเข้าครัวทำอาหารกินเองแบบง่าย ๆ อย่างเช่น ไข่เจียว โดยอาจใส่แครอทหรือฟักทองลงไปในไข่เจียวด้วย นอกจากเด็กจะได้ทานอาหารฝีมือตัวเองแล้ว การได้ทำกับข้าวร่วมกันยังเป็นการสานสายใยรักในครอบครัวอีกด้วย

“สรุปเราหันมากินผักกันเถอะ ผมต้องการเห็นคนไทยหันมากินผักผลไม้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะผักพื้นบ้านไทย เพื่อที่เราจะได้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง และอยากให้ใช้ผักเป็นสื่อเพื่อเชื่อมประสานสายใยรักแห่งครอบครัวให้ได้ ที่สำคัญเราต้องกินผักให้ได้หลายชนิดในแต่ละวัน ไม่ควรกินชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำซากจำเจ” อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ กล่าวสรุป

ผักสีแดง จะมีสาร Cycopene เป็นตัวพิกเมนต์ให้สีแดงในแตงโม มะเขือเทศ สาร Betacycin ให้สีแดงในลูกทับทิม บีตรูต และแคนเบอร์รี่ สารทั้งสองอย่างนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxydants ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งหลายชนิด


ผักสีส้ม หรือ สีเหลือง ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินที่มีศักยภาพด้านการต้านอนุมูลอิสระอันเป็น ตัวก่อมะเร็ง คนผิวขาวที่กินมะละกอหรือแครอตมาก ผิวจะออกสีเหลืองสวย ช่วยลดระดับคอเลสเทอรอล หรือหากกินมะละกอห่ามมากๆ นานถึง 2 ปีอาจจะช่วยเปลี่ยนสีผิวหน้าที่เป็นฝ้าให้หายได้โดยไม่ต้องพึ่งครีมแก้ฝ้าเลย กรณีของข้าวโพดจะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสี หรือแสงสีของเรตินาดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนแก่มองไม่เห็น

ผักสีเขียว ซึ่งพิกเมนต์คลอโรฟิลล์จะเป็นสารที่ให้สีเขียวแก่ผักต่างๆ ผักที่มีสีเขียวเข้มมากยิ่งมีคลอโร-ฟิลล์มาก เมื่อคลอโรฟิลล์ถูกย่อยแล้วจะมีพลังแรงมากในการป้อง กันมะเร็ง ทั้งยังช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ ในตัวคนอีกด้วย


ผักสีม่วง พืชผักสีม่วงมีสารแอนโทไชยานิน สีม่วงในดอกอัญชัน กะหล่ำปลี ผิวเข้ม ชมพู่มะเหมี่ยว มะเขือ ม่วง สารสีม่วงนี้จะช่วย ลบล้างสารที่ก่อมะเร็ง และสาร
Anthocyanin นี้ยังออกฤทธิ์ทาง ขยายเส้นเลือดช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและอัมพาตได้ดี


ผักสีขาว โดยเฉพาะดอกแคนั้นมีกันแทบทุกครัวเรือน ยอดแคมีเบตาแคโรทีนสูงมาก ดอกแคมีวิตามินซี ช่วยแก้หวัดได้ดี แถมยังช่วยให้ผิวสวย อย่าลืมดึงเกสรออกก่อนนำไปลวกหรือต้มเพราะเป็นส่วนที่ขมมากที่สุดนั่นเอง