หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ไทย คว้าเหรียญทองแรก

สริตา ผ่องศรี เทควันโด้สาวไทย คว้าเหรียญทองแรกให้กับทัพนักกีฬาไทย หลังเอาชนะเหงียน ธี ฮอย จากเวียดนาม ในการแข่งขันเทควันโดหญิงรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 53 กิโลกรัม กวางโจวเกมส์ วันที่ 18 พฤศจิกายน
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศกับสาวเวียดนาม สริตาพลาดโดนสาวเวียดนามเตะเข้าศรีษะโดนนำไปก่อนถึง 3 แต้ม แต่ช่วงท้ายยกมาทำคะแนนจีเป็น 1-3 ยกที่ 2 สริตาพยายามหาจังหวะเข้าทำแต่ยังไม่มีโอกาสอย่างชัดเจน ยังคงตามอยู่ 3-1 ช่วงพักยกโดนโค้ชเชจากเกาหลีติวเข้มอย่างหนัก
ยกที่ 3 สาวเวียดนามพยายามเตะเข้าทำคะแนน มีจังหวะมือมาปัดเข้าที่ตาของสาวไทยจนต้องเรียกแพทย์สนามเข้ามาดู แต่สริตาใจยังสู้ลุกขึ้นมาแข่งต่อจนสามารถกลับตัวเตะสูงเข้าที่แก้มของเหงียน ธี ฮอยอย่างสวยงาม ได้ 3 แต้มแซงขึ้นนำไปในช่วงท้ายยกสุดท้าย 4-3 จนหมดเวลาส่งให้ สริตา คว้าเหรียญทองแรกให้กับทัพนักกีฬาสร้างเกียรติประวัติให้กับไทยซึ่งยังไม่เคยคว้าเหรียญทองในการแข่งเทควันโดประเภทหญิงได้ และยังเป็นเหรียญทองแรกของนักกีฬาไทยหลังจากแข่งกวางโจวเกมส์มาแล้วถึง 6 วัน
"น้องหยิน"สริตา ผ่องศรี วัย 19 ปี เป็นนักเทควันโด้สาวดาวรุ่งของไทยมีดีกรีเป็นรองแชมป์โลกจากศึกเทควันโดชิงแชมป์โลกที่ประเทศเดนมาร์กเมื่อปี 2009 เคยได้เหรียญทองแดง ในโคเรีย โอเพ่น(รุ่นฟลายเวต), เหรียญทองแดงมหาวิทยาลัยโลก ครั้งล่าสุดที่เซอร์เบีย และเหรียญเงินชิงแชมป์โลกที่กล่าวไปข้างต้น
น้องหยินเป็นศิษย์เก่าของบัญชายิมส์ เป็นหนึ่งในนักกีฬาเทควันโด้ที่โดดเด่นของไทยในรุ่นราวคราวเดียวกับ"น้องสอง"บุตรี เผือดผ่อง ในช่วงแรกที่น้องหยินลงแข่งระดับเยาวชนยังไม่ประสบความสำเร็จเด่นชัดมากนัก แต่สมาคมเทควันโด และอ.บัญชา บุญตานนท์ ก็ยังสนับสนุนและดึงตัวเข้าสู่แคมป์ทีมชาติยุคเลือดใหม่
ทั้งนี้ เมื่อวัย 15 ปีน้องหยินเคยได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงที่หัวเข่าถึงขั้นเอ็นไขว้หน้าขาด ต้องพักรักษาตัวไปปีกว่าแต่ด้วยกำลังใจและการผลักดันสนับสนุนจากครอบครัวทำให้น้องหยินกลับมาสู่ถนนแห่งกีฬาเทควันโด้อีกครั้ง จนมาประสบความสำเร็จในเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 คว้าเหรียญทองแรกให้ทัพนักกีฬาไทย


เหรียญทองที่ 2 ตะกร้อทีมหญิงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2553 เวลา 11:22 น.
ตะกร้อทีมหญิงไทยคว้าเหรียญทองที่ 2 สำเร็จ หลังถล่มจีนขาดลอย 2-0 เซต บ่ายรอลุ้นทีมชายชิงมาเลเซีย

ทัพนักกีฬาไทยคว้าเหรียญทองเหรียญที่สองเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 หลังจากทีมเซปัคตกร้อหญิงถล่มจีนขาดลอย 2-0 ในการแข่งขันเซปัตตะกร้อทีมหญิงรองชิงชนะเลิศช่วงเช้าวันที่ 20 พฤศจิกายน

ทั้งสองทีมเคยเจอกับมาแล้วในรอบแบ่งกลุ่มรอบแรกและไทยเป็นฝ่ายชนะ 3-0 ทีม ทีมเอ ไทย ชนะ ไปก่อน 21-10,21-16 วันวิสาข์ จันทร์แก่น แบ๊คดาวรุ่งเล่นได้สุดยอดเสิร์ฟทำคะแนนเป็นว่าเล่นเป็นกุญแจสำคัญให้ไทยชนะนำ 1-0 ทีม

ก่อนที่ ทีม บี ของไทย จะตอกย้ำชัยชนะด้วยชัยชนะสองเซตรวด 21-17,21-11 ให้ทีมไทยชนะไปขาดลอย 2-0 ทีม

คว้าเหรียญทองไปครองเป็นเหรียญที่สองของทัพนักกีฬาไทยและเป็นการลบเลือนความผิดหวัง 4 ปีก่อนหลังจากเข้าชิงชนะเลิศแล้วแพ้ให้กับเวียดนาม

แต่ในรอบรองชนะเลิศเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 วันที่ 19 พฤศจิกายน ทีมสาวไทยถอนแค้นด้วยการถลุงเวียดนาม 2-0 ทีมและเข้ามาชิงชนะเลิศกับจีนดังกล่าว

สรุปเหรียญรางวัลของทัพนักกีฬาไทย ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่กวางโจว ทัพนักกีฬาไทยคว้า 3 เหรียญเงิน และอีก 7 เหรียญ ทองแดง โดยเหรียญเงินได้จากกีฬาแบดมินตันประเภททีมหญิง, ปืนยาวอัดลมหญิงประเภทท่านอน และยกน้ำหนักหญิงรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 48 กิโลกรัม จากเพ็ญศิริ เหล่าศิริกุล

เหรียญทองแดงได้แก่ แบดมินตันทีมชาย, สนุกเกอร์ชาย และสนุกเกอร์6แดงประเภททีมหญิง, จักรยานลู่หญิงประเภทพ็อยท์เรช, เทนนิสทีมหญิง, ยกน้ำหนักหญิงน้ำหนักไม่เกิน 53 กิโลกรัม และวูซูชาย ประเภท ต่อสู้ รุ่นอายุไม่เกิน 56 กิโลกรัม และเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมาก็คว้าเพิ่มได้อีก 2 เหรียญทองแดงจาก 2 นักเทควันโดชายและหญิง คือ ชณาภา ซ้อนขำ และปฏิวัติ ทองสลับ

วันที่ 18 พฤศจิกายนไทยประเดิมเหรียญรางวัลเป็นเหรียญทองแดงจากกีฬาเรือมังกรหญิง 22 ฝีพายระยะ 1000 เมตร

ในช่วงบ่ายไทยมาคว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์จาก สริตา ผ่องศรี ในการแข่งขันเทควันโดรุ่นน้ำหนัก 53 กิโลกรัม

วันที่ 19 พฤศจิกายนไทยได้ 2 เหรียญทองแดงจากเรือพายไลท์เวท ซิงเกิล สกัล หญิง และการแข่งเรือมังกร 500 ม. หญิง

วันอังคารที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การบินไทยติด 1 ใน 5 สายการบินดีเด่นของโลก!

บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 5 ของสายการบินที่ดีเด่นของโลก ประจำปี 2010 และ มีชั้นเฟิร์สคลาส และบิสิเนสคลาสที่ดีที่สุด จากการจัดอันดับโดย Luxury Travel Magazine’s Gold List 2008 ของนิตยสาร Luxury Travel Magazine ประเทศออสเตรเลีย


กรุงเทพฯ – วันนี้ (27 ก.ย. 53) นายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายทรัพยากร-บุคคลและบริหารทั่วไป บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) รับมอบ 2 รางวัลสายการบินดีเด่นของโลก ประจำปี 2010 ในการจัดอันดับแบบสำรวจความคิดเห็นด้านธุรกิจท่องเที่ยวดีเด่น (Best in Travel Poll) นายวีเจ เค เวอร์กีส (Mr.VijayfKfVerghes) บรรณาธิการเว็บไซต์ สมาร์ท แทรเวล เอเชีย (SmartTravelAsia.com) โดยรางวัลที่บริษัท การบินไทย ได้รับ ได้แก่ รางวัลสายการบินดีเด่น อันดับ 2 ด้านการบริการบนเครื่องบิน ดีที่สุดในโลก และรางวัลชั้นโดยสารธุรกิจดีเด่น อันดับ 4 โดยมีนายสาธก วรศะริน ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายบริการบนเครื่องบิน บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ การบินไทย สำนักงานใหญ่ อนึ่ง รางวัล สมาร์ท แทรเวล เอเชีย 2010 เป็นรางวัลที่ได้จากผลการโหวตความนิยมของผู้โดยสารผ่านทางเว็บไซต์ www.smarttravelasia.com โดยกลุ่มผู้อ่านเป็นซึ่งเป็นกลุ่มผู้ที่มีความนิยมในการเดินทางและอยู่ใน ธุรกิจการท่องเที่ยว สายการบิน และโรงแรมกว่า 1 ล้านคน ทั่วโลก

วันอาทิตย์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เรื่องน่ารู้ เมื่อเกิดอาการนอนไม่หลับ ควรทำอย่างไร


เมื่อเกิดอาการนอนไม่หลับ
น้ำผึ้ง มีสรรพคุณช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ โดยใช้ น้ำอุ่น 1แก้ว ตามด้วย น้ำผึ้ง 1 ช้อนผสมน้ำและน้ำผึ้งให้เข้ากัน แล้วดื่มก่อนนอน
อย่านอนผิดเวลาทุกวัน คุณรับประทานอาหารประมาณเวลาเดิม ก็ขอให้เข้า นอน และ ตื่นนอนตามตารางเวลา เดิมเป็น ประจำด้วย
ถ้าเข้านอนแล้ว นอนไม่หลับ ควรลุกออกจากเตียง หากิจกรรมอื่นทำ เช่น อ่านหนังสือคลายเครียด นั่งนิ่งๆสักพัก
งดอาหารหวานทุกชนิดก่อนเวลาเข้านอน เพราะอาหารหวานจะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว
กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง จำพวกถั่วชนิดต่างๆ ผักใบเขียวเข้ม และผลไม้แห้ง จะช่วยให้หลับง่ายขึ้น
….
ยังมีอีกหลายวิธี ลองทำตามวิธีที่คุณถนัดที่สุด อาการนอนหลับ ส่วนใหญ่ จะเกิดจาก เครียดเป็นเวลานาน หรือ นอนไม่พอหลายๆคืนติดต่อกัน ทำให้เกิดอาการเครียด ทำให้นอนไม่หลับได้ ดังนั้น คุณควรหลีกเลี่ยง การอดนอนเป็นเวลานานๆนะคะ

วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

อาหารต้านหนาว

อาหารต้านหนาว
อาหารเรื่องเด่น
สร้างสมดุลให้ร่างกาย



ใกล้หน้านาวแล้ว คนอยู่กรุงร้อนตลอดเวลามักถามหาลมหนาว หรือไม่ดั้นด้นขึ้นดอยไปคอยให้ลมหนาวพัดผ่านผิวกายเป็นที่ระลึก สักนิดหน่อยก็ยังดี...

เมืองไทยถือว่าโชคดี แม้จะไม่ค่อยหนาว มีแต่ร้อนกับร้อนกว่า แต่อากาศก็ไม่แปรปรวนมาก ไม่หนาวมาก ไม่ร้อนจัดจนขาดใจตาย (เพราะชินแล้ว) ในบางเมืองของบางประเทศ เช่น เมลเบิร์น คนเคยอยู่บอกว่า วันหนึ่งบางทีมี 4 ฤดูครบ ไปไหนในกระเป๋าต้องมีร่มกันฝนด้วยกันแดดด้วย เสื้อกันหนาว ที่ถอดออกแล้วเสื้อตัวในใส่เดี่ยวๆ ได้เพราะในวันเดียวกันมีฝนตก อากาศเย็นยะเยือก สักพักเดียวก็แดดออกร้อน

อากาศที่เปลี่ยนกะทันหันเป็นต้นเหตุให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันทำให้เกิดภาวะไม่ปกติ เกิดอาการเจ็บป่วย เป็นไข้ ไม่สบายเนื้อตัว จากเย็นเป็นร้อนก็พอทน แต่ถ้าจากอากาศร้อนอยู่ดีๆ เปลี่ยนเป็นหนาว หรือฤดูฝนที่กำลังแปรเปลี่ยนเป็นฤดูหนาวที่คนโบราณบอกว่าเป็นปลายฝนต้นหนาวจะส่งผลให้ร่างกายเป็นไข้เปลี่ยนฤดูนั่นคือ เกิดสภาวะไม่สมดุลในร่างกาย ด้วยไออุ่นในร่างกายไม่สมดุลกับสภาพอากาศร่างกายจะต้านทานอากาศหนาวไม่ได้แล้วถ้าหนาวฉับพลันทันใดร่างกายทนทานไม่ได้ก็อาจถึงขึ้นเสียชีวิต เช่นตัวอย่างที่พบบ่อยๆ จากคนในชนบท

แพทย์แผนไทยมีตำราว่าด้วยการป้องกันภัยจากลมหนาวแนะนำให้ดูแลบตัวเองให้ร่างกายอบอุ่น กินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ และหมั่นสังเกตความผิดปกติในร่างกายเช่น ผิวหนังภายนอกแห้งแตก หนังหลุดลอกเป็นชั้นๆ รู้สึกคันตามเนื้อตัว ภายในปากเหมือนปากแห้ง ริมฝีปากแตก มีอาการคัดจมูก แน่นหน้าอก เจ็บคอ มีเสมหะตอนเช้า บางทีก็ท้องเสีย เวียนหัวแต่ไม่มีไข้ อาการที่ดูเหมือนผิดปกติเพียงนิดหน่อยแต่เป็นสัญญาณที่ร่างกายส่งเตือนแล้วว่านี่คืออาการของไข้เปลี่ยนฤดูที่มากับลมหนาว

การดูแลร่างกายเมื่อรู้สึกว่าเกิดอาการต่างๆ ดังกล่าว ได้แก่ หาเครื่องนุ่งห่มที่อบอุ่นป้องกันไม่ให้กระทบความเย็นจนเกินไป เวลานอนต้องสวมเสื้อผ้าหนาขึ้น ห่มผ้า ถ้าผิงไฟป้องกันความหนาว ทำมากเกินไปก็ไม่ดี ต้องค่อยๆ ไล่ให้ความอุ่นเข้ามาอย่างช้าๆ เพราะถ้าหนาวแล้วมาร้อนทันที ร่างกายก็ปรับตัวไม่ทันเหมือนกัน ส่วนอาหารการกินช่วยช่วยให้อิ่มและแล้วยังสามารถเป็นยาได้ด้วย คนโบราณให้กินข้าวเหมือนเป็นยาป้องกันไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องกินยาจริง อาหารสู้ลมหนาวเป็นพืชผักสมุนไพรที่เกิดและเติบโตในฤดูกาลนั้น โดยฤดูหนาวในเมืองไทยอยู่ระหว่างเดือนตุลาคม - มกราคม ช่วงนี้คนจะเจ็บป่วยบ่อยจากธาตุน้ำกำเริบ อาการแรกคือผิวแห้ง คันตามผิวหนัง มึนศีรษะ มีน้ำมูลไหล รู้สึกขัดยอกเนื้อตัว ขยับร่างกายไม่สะดวก ท้องอืด ควรเลือกกินอาหารบำรุงธาตุน้ำที่มีรสขมร้อน รสร้อน รสเปรี้ยว เผ็ดเล็กน้อย และงดเว้นอาหารที่มันจัด เช่น แกงส้มดอกแค ต้มย้ำ ต้มโคล้ง มีรสเผ็ดผสมเปรี้ยว น้ำขิง น้ำมะนาว น้ำส้ม เหยาะเกลือเล็กน้อย



คนจีนก็มีศาสตร์การกินป้องกันอากาศหนาวเย็น เขาหนาวกว่าเรามาก และก็มีอาหาร "หยาง" ที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายมากกว่าบ้านเรา มีสูตรแพะตุ๋นยาจีน หรือต้มแกง ข้ามต้ม โจ๊ก ที่ใส่ขิงและพริกไทยมากขึ้น ซึ่งในอาหารไทยหลายชนิดมีพริกไทยเป็นส่วนผสมอยู่แล้ว การปรุงแต่งรสให้เปรี้ยวและเผ็ดร้อนขึ้นเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของอาหารไทยที่รู้จักกินตามฤดูกาลเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผักนั้นเนื่องจากฤดูหนาวเป็นช่วงต่อเนื่องจากฤดูฝนหน้าหนาวบ้านเราจึงอุดมด้วยผักและเห็ดนานาชนิด และผักที่ควรเลือกกินตอนหนาวๆ นี้ได้แก่ ยอดส้มมะขาม ยอดมะม่วง กระเจี๊ยบแดง ดอกแค เห็ดชนิดต่างๆ ทำแกงส้ม แกงเลียง แกงป่า ในชาติตะวันตกบอกว่า ต้องกินไขมันมากขึ้นเพราะช่วยสู้อากาศหนาวเย็น แต่ตำรับแพทย์ไทยบอกว่าจะไปขัดกับสมุฎฐานโรคเสมหะ หมายถึงยิ่งกินมันมากจะยิ่งเพิ่มเสมหะให้กำเริบขึ้น


แพทย์แผนจีนบอกอีกว่า โรคหวัดที่เป็นจากร่างกายปรับตัวไม่ทันยังแบ่งเป็นหวัดร้อนกับหวัดเย็น อาการไม่เหมือนกัน หวัดเย็นมีอาการกลัวหนาว น้ำมูกใส สะบัดร้อนสะบัดหนาว แก้ได้ด้วยดื่มน้ำขิงอุ่นๆ หรือปรุงอาหารใส่ขิงพริกไทยและพริก ช่วยเพิ่มพลังหยาง กินข้าวต้มใส่พริกไทยเยอะๆ แกงจืดใส่พริกไทย สาหร่ายดำ ถ้าเป็นหวัดร้อนจะมีอาการเจ็บคอ มีไข้ต่ำๆ กินน้ำเก๊กฮวยกับใบหม่อน หรือชาฟ้าทะลายโจร โรคหวัดของแผนจีนมีทั้งหวัดร้อนหวัดเย็นหวัดชื้น หวัดเย็นมักมีอาการกลัวหนาว น้ำมูกใส สะบัดร้อน สะบัดหนาว ควรดื่มน้ำขิงอุ่นๆ หรือทำอาหารที่ประกอบด้วยขิง และพริกหรือพริกไทย เพื่อเสริมความอุ่นของร่างกายเป็นการเพิ่มพลังหยางให้รูขนเปิดเพื่อระบายพิษทางเหงื่อ



ถ้าคัดจมูกมากๆ ไม่ต้องไปใช้ยาหยอดจมูกราคาแพงๆ หรอก ใช้กระเทียมของเรานี่แหละ ล้างให้สะอาดตำให้แหลกเหยาะน้ำต้มสุกนิดหน่อย บีบเอาน้ำหยอดเข้าไปในจมูก ช่วยให้หายคัดจมูก แต่ถ้าเป็นหวัดร้อนโดยมีอาการเจ็บคอมีไข้ต่ำๆ ให้ต้มเก๊กฮวยกับใบหม่อนดื่มหรือกินฟ้าทลายโจร

อาหารที่มีขายทั่วไปตามท้องตลอด ที่ดูแล้วเกิดตามฤดูกาลกินได้ทั้งนั้น ไม่ต้องกินของแปลกหายาก ตำรับจีน และไทยมีอาหารแก้หนาว กินแล้วอบอุ่น หาได้ทั่วไปทั้งต้ม ผัดแกงตุ๋น กินให้ร้อนให้อุ่นท้อง เหงื่อออกสักหน่อย อาการเวียนหัวจะหายไป คือการปรับสมดุลด้วยอาหารนั่นเอง

คำพ่อสอน

คำพ่อสอน
ความเข้มแข็งในจิตใจนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะต้องฝึกฝนแต่เล็ก เพราะว่าต่อไปถ้ามีชีวิตที่ลำบาก ไปประสบอุปสรรคใด ๆ ถ้าไม่มีความเข้มแข็ง ไม่มีความรู้ ไม่มีทางที่จะผ่านอุปสรรคนั้นได้ เพราะว่าถ้าไปเจออุปสรรคอะไร ก็ไม่มีอะไรที่จะมาช่วยเราได้ แต่ถ้ามีความรู้ มีอัธยาศัยที่ดี และมีความเข้มแข็งในกาย ในใจ ก็สามารถที่จะผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ นั้นได้ ความเข้มแข็งในใจนั้น หมายความว่า ไม่ท้อถอย และไม่เกิดอารมณ์มาทำให้โกรธ อารมณ์นั้นก็คือ ความโกรธ ความฉุนเฉียว ความน้อยใจ ทั้งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คิดไม่ออก
พระราชดำรัส พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียนโรงเรียนราชวินิต
วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๑๘

พิษ “มะเฟือง” ถึงตาย


พิษ “มะเฟือง” ถึงตาย
อาหาร
ผู้ป่วยไตกลุ่มเสี่ยง
หลายเสียงเล่าลือกันถึงเรื่องของพิษที่มีอยู่ใน..."มะเฟือง" ส่งผลทำให้มีอันตรายถึงชีวิตจากภาวะไตวายเฉียบพลัน เพื่อให้คลายสงสัย รศ.นายแพทย์ ม.ล.ชาครีย์ กิติยากร อายุรแพทย์ หน่วยโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความกระจ่างว่า...มะเฟืองเป็นผลไม้เขตร้อนที่คนไทยรู้จักมาเนิ่นนาน แต่ในจำนวนคนไทย 67 ล้านคน มีน้อยคนนักที่จะทราบว่า...พิษของมะเฟืองมีผลต่อสุขภาพของไตและ...อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้

คุณหมอชาครีย์ บอกว่า "ไต"... เป็นอวัยวะหนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งต่อระบบในร่างกายของเรา มีรูปร่างคล้ายเม็ดถั่วเหลือง มี 2 ข้างอยู่บริเวณบั้นเอว ไตเป็นส่วนหนึ่งของระบบทางเดินปัสสาวะ ส่วนที่ต่อจากท่อไต (URETER) ซึ่งจะนำปัสสาวะเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ และเข้าสู่ท่อปัสสาวะ (URETHRA) ในเพศชายจะมีต่อมลูกหมากอยู่โดยรอบท่อปัสสาวะ

หน้าที่สำคัญของไต หนึ่ง...ขับถ่ายของเสียที่เกิดจากการแตกตัวของโปรตีนในอาหารออกจากร่างกาย สอง...รักษาสมดุลของน้ำ เกลือแร่ กรดและด่างของร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ สาม...ควบคุมความดันโลหิต สี่...สร้างฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงในไขกระดูก


ความหมายของภาวะไตวาย คือ ภาวะที่มีการสูญเสียการทำงานของไต แบ่งออกเป็น 2 ชนิด

ชนิดแรก...ไตวายเรื้อรัง คือการสูญเสียการทำงานของไต ที่เป็นไปอย่างช้าๆ และถาวร ช่วงเวลาอาจตั้งแต่ 1-2 ปี จนถึง 10 ปีขึ้นไป จนในที่สุดเข้าสู่ภาวะสุดท้ายของไตวาย (END STAGE RENAL FAILURE) ซึ่งหมายถึง ภาวะที่ต้องการการรักษาแบบทดแทน เช่น ฟอกเลือด, เปลี่ยนไตเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถดำรงชีวิตอยู่ต่อไปได้

ชนิดที่สอง...ไตวายเฉียบพลัน ช่วงเวลาที่เกิดขึ้นอาจจะเป็นชั่วโมง หรือ เป็นวัน ทำให้เกิดการคั่งของของเสียทำให้เกลือแร่ กรด ด่าง และการควบคุมปริมาณน้ำในร่างกายผิดปกติ "ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ป่วยเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีปริมาณปัสสาวะต่อวันน้อยกว่า 400 ซีซี"

คุณหมอชาครีย์ บอกอีกว่า สาเหตุของไตวายเฉียบพลัน มีหลายสาเหตุ ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติของการไหลเวียนโลหิตในร่างกาย...การอุดตัน ผู้ป่วยที่ช็อกจากการติดเชื้อ, เสียเลือดจำนวนมาก หรือขาดน้ำอย่างรุนแรงจากท้องเสีย การใช้คำว่า "เฉียบพลัน" นอกจากบ่งถึงช่วงเวลาระยะสั้นที่เกิดขึ้นแล้ว ยังบ่งถึงความเป็นไปได้ ที่ไตจะกลับสู่ภาวะปกติได้

คนไทยรู้จักมะเฟืองมานาน นิยมรับประทานเป็นผลไม้สด หรือคั้นเป็นน้ำผลไม้ หรือรับประทานผลดิบเป็นผัก เช่น ในอาหารเวียดนาม "ในบ้านเรามีรายงานเกี่ยวกับคนไข้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันหลังการรับประทานผลสด หรือน้ำมะเฟืองจำนวนมาก...เนื่องจากมะเฟืองเป็นพืชที่มีสารออกซาเลตสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ปกติแล้วออกซาเลตสามารถละลายและถูกดูดซึมได้อย่างอิสระ แล้วถูกขับออกทางไต โดยสาเหตุของไตวายเฉียบพลันนั้น เพราะไตเป็นแหล่งที่มีสารต่างๆ หลายชนิด เมื่อสารออกซาเลตในมะเฟืองจับตัวกับแคลเซียมที่อยู่ในไต จะกลายเป็นผลึกนิ่วออกซาเลต ผลึกนิ่วจำนวนมากตกตะกอน หรืออุดตันในเนื้อไตและท่อไต ...ทำให้ไตวายหรือสูญเสียการทำงานไป" แต่กระนั้น...การเกิดภาวะไตวายไม่ได้เกิดกับผู้ป่วยทุกราย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณที่รับประทาน และภาวะพร่องหรือขาดน้ำในผู้ป่วย

หน่วยโรคไต โรงพยาบาลรามาธิบดี เคยพบกรณีคนไข้ในประเทศไทยมีอาการไตวายเฉียบพลัน จากการได้รับภาวะพิษจากการรับประทานผลมะเฟือง และได้ส่งรายงานไปต่างประเทศ ผู้ป่วยที่มีภาวะพิษต่อไต...เกิดขึ้นในหลายชั่วโมงถัดมา หลังรับประทานผลมะเฟือง ผู้ป่วยจะมาด้วยภาวะไตวายเฉียบพลัน กล่าวคืออาจจะมีปัสสาวะออกน้อยลง, บวมน้ำ, ความดันโลหิตสูงขึ้น, น้ำท่วมปอด, อ่อนเพลีย หรือ...บางรายอาจมาด้วยอาการสะอึก เนื่องจากของเสียในร่างกายคั่ง จากการที่ไตไม่สามารถขับของเสีย และน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายได้ และ...อาจจะต้องได้รับการฟอกเลือดล้างไตในที่สุด

พบด้วยว่า ถ้ามีภาวะไตวายเฉียบพลันเกิดขึ้น หลังหยุดรับประทานมะเฟืองผู้ป่วยเดิมที่มีไตปกติ กว่าไตจะกลับมาทำงานได้ตามปกติอาจใช้เวลานาน ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่หากเป็นผู้ป่วยที่มีโรคไตเดิมอยู่ก่อนแล้ว การทำงานของไต อาจจะดีขึ้นบ้าง แต่ไม่กลับมาเท่าเดิม และอาจจะต้องฟอกไตถาวร



ผลการศึกษาปัจจัยการเกิดโรค พบว่าขึ้นอยู่กับชนิดมะเฟือง...มะเฟืองเปรี้ยวมีโอกาสเกิดโรคมากกว่ามะเฟืองชนิดหวาน เนื่องจากมีปริมาณกรดออกซาลิคมากกว่า "ถ้ารับประทานผลสดหรือผลไม้คั้น จะมีโอกาสเกิดโรคมากกว่า แต่ถ้าผ่านการดอง หรือแปรรูปหรือเจือจางในน้ำเชื่อม เช่น...ในน้ำมะเฟืองสำเร็จรูป จะทำให้ปริมาณออกซาเลตลดน้อยลง"

ปริมาณที่รับประทาน พบว่าระดับออกซาเลต ที่เป็นพิษต่อร่างกายมีค่าตั้งแต่ 2-30 กรัมของปริมาณออกซาเลต...ผลมะเฟืองเปรี้ยวมีออกซาเลต ประมาณ 0.8 กรัม ในขณะที่มะเฟืองหวานมีออกซาเลต 0.2 กรัม สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคไตอยู่เดิมอาจมีไตวายเฉียบพลัน จากการรับประทานมะเฟืองเพียงเล็กน้อย

นอกจากนี้ ระดับความรุนแรงยังขึ้นอยู่กับภาวะพร่องหรือขาดน้ำ จากการรายงานผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายหลังรับประทานมะเฟือง พบว่าผู้ป่วยดื่มน้ำมะเฟืองหลังจากการทำงานหนักหรือสูญเสียเหงื่อมาก จะยิ่งมีโอกาสเกิดโรคมากขึ้น เนื่องจากผลึกแคลเซียมออกซาเลตจะอิ่มตัว และตกผลึกง่ายขึ้นในเนื้อไต

ในผู้ที่มีไตเรื้อรังอยู่ก่อนโดยเฉพาะผู้ที่ไตวายต้องล้างไตแล้ว มะเฟืองมีผลต่อระบบประสาทด้วย มีรายงานในผู้ป่วยกว่า 50 รายทั่วโลก...มะเฟืองอาจมีสารที่เป็นพิษกับระบบประสาท ซึ่งผู้ป่วยอาจมีความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลงไปจากการที่สมองบวม จากการที่มีผลึกนิ่วออกซาเลตไปเกาะสมอง หรือการที่มะเฟืองมีสารพิษอื่นที่กระตุ้นสมอง สารพิษต่อสมองนี้จะสะสมในภาวะไตวาย ดังนั้น...การเกิดพิษลักษณะนี้พบได้น้อยมากในคนปกติ และผู้ป่วยมักต้องรับประทานผลมะเฟืองเป็นจำนวนมาก

"ผู้ป่วยไตวายอาจมีอาการทางสมองหลังรับประทานมะเฟืองทั้งชนิดหวานและชนิดเปรี้ยวเพียงหนึ่งผล อาการมักเริ่มไม่กี่ชั่วโมงหลังรับประทานมะเฟือง โดยผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน สะอึก ตามด้วยภาวะซึมหรือชัก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะดีขึ้นหลังหยุดรับประทานมะเฟือง หลังการล้างไตเพื่อเอาพิษมะเฟืองออก...อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ามีผู้ป่วยเสียชีวิตหลังรับประทานมะเฟือง"

น่าสนใจที่ว่า ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้ยินข่าวผู้ป่วยจากพิษมะเฟือง เป็นไปได้ว่าที่ผ่านมามะเฟืองไม่ได้เป็นที่นิยมมากนัก ผลผลิตมะเฟืองในแต่ละปีก็มีจำนวนไม่มากอย่างผลไม้อื่นๆ คนส่วนใหญ่จะรับประทานในปริมาณน้อย และไม่รับประทานมะเฟืองเปรี้ยว

แต่ในช่วงหลังๆ มานี้...ได้มีบทความแพร่ทางสื่อออนไลน์ชวนให้รับประทานมะเฟืองสด โดยชี้แนะประโยชน์ทางสุขภาพ เช่น ลดน้ำตาลในเลือด หรือช่วยรักษาโรคอื่นๆ จึงอาจทำให้มีคนเชื่อ หันมาบริโภคมะเฟืองกันมากขึ้น

ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ระบุชัดเจนถึงประโยชน์ของมะเฟือง ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนระมัดระวัง มะเฟืองสดเป็นผลไม้ที่น่าจะเกิดโทษกับผู้ที่รับประทานมากเกินกว่าที่ร่างกายจะทำลายพิษได้

และ...ขึ้นอยู่กับสุขภาพของผู้บริโภคที่มีความเสี่ยงต่อภาวะไตวาย ผู้บริโภคสุขภาพปกติทานได้แต่ในปริมาณไม่มาก...ผู้ป่วยที่มีนิ่วในไตควรหลีกเลี่ยง...โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีไตเสื่อม หรือมีความเสี่ยงต่อโรคไต ห้ามทานมะเฟืองทั้งเปรี้ยวและหวานเด็ดขาด

คุณหมอชาครีย์ย้ำทิ้งท้ายว่า โรคไตมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ผู้รักสุขภาพควรเอาใจใส่ต่อโภชนาการที่เหมาะสม และตรวจสุขภาพไตเป็นประจำทุกปี

วันพุธที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

บทความน่าอ่าน ประหยัดแบบแม่บ้านฝรั่ง


1.ซื้อตอนลดราคา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า ของใช้ในครัวเรือน หรือแม้แต่ของขวัญ คุณแม่คนหนึ่งบอกว่า เธอซื้อของขวัญคริสต์มาสสำหรับปีต่อไปทันทีที่จบเทศกาลคริสต์มาส เพราะทุกอย่างจะลดราคาเยอะมาก เธอสามารถซื้อของราคา 20-25 เหรียญได้ในราคา 5 เหรียญเท่านั้น
2.เลือกเวลาซื้อ พ่อบ้านคนหนึ่งบอกว่าเขาชอบกินเนื้อชั้นดีราคาแพง เขาไปสืบมาว่าร้านค้าจะเอาเนื้อล็อตใหม่มาวางขายตอนบ่าย ถ้าขายไม่หมดเช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเขาจะลดราคาลง 50-75 % นั่นแหละคือช่วงเวลาที่เขาจะออกไปซื้อแล้วแช่ช่องแข็งไว้
3.คูปอง ตามซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า นิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์ มักมีคูปองลดราคา ให้ตัดคูปองไปซื้อสินค้าเพื่อรับส่วนลด
4.หลอกเด็ก ฟังดูอาจจะงง มีคุณแม่คนหนึ่งบอกว่าลูกชอบกินอาหารฟาสต์ฟู้ด แต่กินบ่อยๆ ไม่ไหวเพราะแพงและไม่ดีต่อสุขภาพ วิธีที่จะเจอกันครึ่งทางคือ เมื่อซื้ออาหารเหล่านั้นคุณแม่จะเก็บถุง กระดาษเช็ดปากที่ไม่ได้ใช้ และถ้วยใส่น้ำไว้ วันไหนลูกรบเร้าจะให้พาไปกิน คุณแม่จะทำอาหารเองแล้วบรรจุใส่ภาชนะของร้านที่เก็บไว้ ใส่ถุงที่มียี่ห้อที่ลูกอยากกิน ทั้งประหยัดเงินทั้งได้กินอาหารที่มีประโยชน์กว่า เพราะแม่สามารถแอบใส่ของดีๆ ให้ลูกกินได้
5.2 in 1 คุณแม่บ้านนี้ใช้แชมพูที่มีครีมนวดผสมอยู่ในขวดเดียวกัน ประหยัดทั้งเงิน น้ำ และเวลา เธอยังเลือกใช้แป้งพัฟที่มีรองพื้นในตัวเพื่อไม่ต้องแยกซื้อครีมรองพื้นและ แป้งแข็ง เธอยังซื้อเจลว่านหางจระเข้ให้สามีใช้แทนน้ำยาโกนหนวด เพราะราคาถูกกว่า และเธอสามารถแบ่งใช้ตอนโกนขนที่ขา ซึ่งผู้หญิงอเมริกันจะนิยมทำกัน เธอจะซื้อเจลนี้ตอนลดราคาปลายฤดูร้อน เพราะถือเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับหน้าร้อนด้วย และจะซื้อขวดใหญ่ที่จะใช้ได้นานเป็นปี เพื่อให้ถึงปลายฤดูร้อนปีถัดไป
6.นมแม่ ให้ลูกกินนมแม่ไม่เพียงประหยัดค่านมผสม แต่ที่อเมริกามีการศึกษาพบว่า เด็กที่กินนมแม่จะประหยัดค่ารักษาพยาบาลปีละ 500 เหรียญ หรือประมาณหมื่นกว่าบาท เพราะกินนมแม่แล้วแข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วย
7.ซื้อสินค้ามือสอง หลายประเทศมีร้านสินค้ามือสองเป็นเรื่องเป็นราว สินค้าดูดีไม่น่ารังเกียจ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า จานชาม เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องประดับ ประเทศไทยเราก็มี เช่น ที่ร้านแคช คอนเวิร์ตเตอร์ ที่เขาซื้อลิขสิทธิ์ฝรั่งมาเปิด และร้านของคนไทยที่ดิฉันเคยอ่านเจอแต่จำชื่อไม่ได้แล้ว รู้สึกจะอยู่ที่ซีคอนสแควร์ เป็นร้านที่รับบริจาคของมาขาย รายได้เขาเอาไปทำบุญ หรือโรงรับจำนำก็มีขายมานานแล้ว แต่หลายคนอาจอายที่จะเข้าไปซื้อ
8.ผลิตภัณฑ์ทำเอง ในตลาดมีน้ำยาสารพัดชนิดวางขายทั้งเช็ดกระจก ขัดสแตนเลส ล้างโถส้วม ขัดพื้นไม้ พื้นกระเบื้อง ลดคราบน้ำมัน ฯลฯ คุณแม่คนนี้เธอบอกว่าจริงๆ แล้วเราต้องการน้ำยาแค่ 2 อย่างก็ทำความสะอาดบ้านได้ทั้งหลัง เธอจึงลงมือทำเอง
แอลกอฮอล์เจือจาง (แอลกอฮอล์ 1 ส่วน : น้ำ 5 ส่วน) ทำความสะอาดได้เกือบทุกอย่างในบ้าน ทั้งหน้าต่าง กระจก ห้องน้ำ มือจับประตู เคาน์เตอร์ต่างๆ
น้ำส้มสายชูเจือจาง (น้ำส้ม 1 ส่วน : น้ำ 4 ส่วน) ทำความสะอาดพื้นได้ผลดีนัก บางคนอาจไม่ชอบกลิ่น แต่เพียงครู่เดียวกลิ่นมันจะหาย
ลองทำตามคำแนะนำนี้ดูนะคะ รับรองประหยัดเงินได้เยอะค่ะ ^-^

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เรื่องน่ารู้ กินของหวานอย่างไร ไม่ให้อ้วน

รู้ปริมาณแคลอรี ก่อน กินควรอ่านปริมาณแคลอรีในขนม โดยดูจากฉลากแสดงข้อมูลโภชนาการข้างกล่อง หากเป็นไปได้ควรเลือกกินหรือซื้อชนิดที่มีไขมันเป็นส่วนประกอบน้อยที่สุด
ลดแคลอรี การ ตัดน้ำตาล ครีม ออกจากขนมก่อนกิน เช่น เกลี่ยน้ำตาลไอซิ่งที่โรยหน้าขนมปังออก หรือไม่ใส่กะทิในขนมหวาน จะลดพลังงานได้ถึง 81- 150 แคลอรี หรือเกลี่ยครีมหน้าขนมเค้กออก ลดพลังงานได้ถึง 160 แคลอรี
ควบคุมสัดส่วนการกิน กินอย่างละนิดพอให้รู้รสชาติ เช่น คุกกี้ 1-2 ชิ้น เค้ก 1 ส่วน 4/ชิ้นเล็ก ไอศกรีม 1 ลูก คุณจะได้ชิมรสขนมทั้งหมดโดยได้แคลอรีเพียงครึ่งเดียว
ดื่มชาเขียวหรือกาแฟร้อนหลังมื้อขนม กาเฟอีนจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน หากต้องการเพิ่มรสชาติให้ใส่น้ำตาลเทียมแทน
15 นาที หลัง กินขนมหวานเสร็จอย่านั่งอยู่กับที่ ออกไปเดินเล่นรอบบ้านๆ ประมาณ 15 นาที วิธีนี้นอกจากจะช่วยย่อยแล้ว ยังป้องกันไม่ให้ไขมันสะสมที่หน้าท้อง ต้นขา และสะโพกได้อีกด้วย
30 นาที หลัง กินของหวาน 5 ชั่วโมง ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาที เพื่อกำจัดแป้งและน้ำตาลก่อนกลายเป็นไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยก่อนและหลังออกกำลังกายควรดื่มชาเขียวร้อนหรือน้ำอุ่นเพื่อเสริมระบบเผา ผลาญควบคู่ไปด้วย
งดแป้งและน้ำตาลในวันรุ่งขึ้น มื้อเช้าและกลางวันเน้นผัก 80% โปรตีน 20% ส่วนมื้อเย็นให้กินผักผลไม้สดและดื่มน้ำเปล่าทั้งวัน
ลองทำตามคำแนะนำ ดูนะคะ ^-^