หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สัตว์ที่เล็กที่สุดในโลก

ม้าที่เล็กที่สุดในโลก สูง43.18เซนติเมตร(17นิ้ว)

ม้าที่เล็กที่สุดเกิดจากการฝีมือการผสมเทียมของ Paul และKay Goessling ผู้เชี่ยวชาญในการผสมพันธุ์ม้าพันธุ์เล็ก และตั้งชื่อสุดเก๋ให้ม้าตัวนี้ว่า Thumbelina ปัจจุบันมีThumbelinaมีอายุ5ขวบ น้ำหนัก27.21กิโลกรัม และสูงเพียง17นิ่วครองแชมป์ม้าที่ตัวเล็กที่สุดในโลก

แมวที่ตัวเล็กที่สุดในโลก มีความสูง15.5เซินตเมตร(6.1นิ้ว)และยาว49เซนติเมตร]

พบกับMr.Peeblesอายุ2ขวบ หนัก3ปอนด์ จากCentral Illinois แมวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากGuinness Book of World Recordsในปี2004ว่าเป็นแมวที่เล็กที่สุดในโลก

วัวที่เล็กที่สุดในโลก สูง81เซนติเมตร(31นิ้ว)

พันธุ์Indian zebuที่มีชื่อเรียกว่าVechur cow ค่าเฉลี่ยความสูงอยู่ที่31-35นิ้ว(81-91เซนติเมตร)ภาพถ่ายนี้เปรียบเทียบวัวที่ตัวเล็กมีอายุ16ปีกับวัวธรรมดาที่มีอายุแค่6ปี

สุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลก สูง12.4เซนติเมตร(4.9นิ้ว)

ผู้ท้าชิงรายนี้มีน้ำหนักเพียง1.4ปอนด์สูง4.6นิ้ว สายเลือดชิวาว่า จากเมืองCharlton(Massachusetts,USA) มีนามว่า Ducky และได้กุมตำแหน่งสุนัขที่เล็กที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ของGuinness World Recordไว้

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เครื่องเทศและสมุนไพร "สรรพคุณมากมาย"

เครื่องเทศและสมุนไพรมีสรรพคุณเป็นยาที่ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ถึงอยู่ที่แต่ละคนจะนำไปใช้กันค่ะ และไม่ใช่เพียงเท่านั้นใน เครื่องเทศและสมุนไพร นั้นยังจัดเป็นสิ่งที่ช่วยในการปรุงอาหารได้รสเยี่ยมอีกต่างหาก ฉะนั้นแล้วเมื่อเราจะปรุงอาหารทั้งทีก็อย่าลืมที่ลองนำ เครื่องเทศและสมุนไพร ไปใส่อาหารตอนปรุงรสดูกับเค้ากันบ้างนะจ๊ะ และวันนี้เรามี 9 เครื่องเทศและสมุนไพรไทย ที่มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันมะเร็ง และช่วยรักษาและเยี่ยวยาโรคต่าง ๆ ได้อีกค่ะ

9 เครื่องเทศและสมุนไพรไทย

1. พริกแดงแห้ง สารประกอบแคปไซซินที่ทำให้เกิดความเผ็ดร้อนในพริกอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งผิวหนังและลำไส้ใหญ่ การศึกษายังพบด้วยว่ามันทำให้คนเรากินน้อยลง

2. ลูกจันทน์ มีสารประกอบที่ช่วยต่อต้านแบคทีเรียและช่วยต่อสู้เชื้ออีโคไลและแซลโมเนลล่า (ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องร่วง)

3. ยี่หร่า เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์และสารต้านอาการอักเสบที่ทรงประสิทธิภาพที่อาจช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเนื้อร้ายได้

4. ขมิ้น ประกอบด้วยสารที่เรียกว่าเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งอาจช่วยหยุดยั้งมะเร็งไม่ให้แพร่กระจายได้และช่วยป้องกันโรคเบาหวานประเภทที่ 2



5. อบเชย แค่กินวันละ 1/4-1/2 ช้อนชา สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรต์ได้ในคนที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2

6. ขิง สามารถระงับอาการคลื่นไส้และอาจบรรเทาอาการจุกเสียดหน้าอก (จากโรคกรดไหลย้อน) และอาการบวมน้ำ

7. เซจ (Sage) เครื่องเทศชนิดนี้ช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตและโดยทั่วไปช่วยลดความเสี่ยงของคุณในการเป็นโรคหัวใจได้

8. สะระแหน่ อุดมด้วยวิตามินซีและเอ สามารถช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยและอาการระคายเคืองในระบบขับถ่าย

9. กระเทียม ทำลายเซลล์มะเร็งและอาจขัดขวางการเผาผลาญพลังงานของเซลล์เนื้อร้าย คาเรน คอลลินส์ นักโภชนาการที่ปรึกษาของ American Institute for Cancer Research บอกเช่นนั้น และการศึกษาบ่งชี้ว่าการกินกระเทียมสองหัวต่อสัปดาห์ให้ประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งได้ โดยหลังจากสับกระเทียมแล้วให้ทิ้งไว้สัก 10-15 นาทีก่อนนำไปปรุงอาหาร เพื่อให้สารเคมีที่มีประโยชน์ซึมซาบออกมา

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

15 อาหารต้าน ภูมิแพ้



ร้อยละ 70ของคนบนโลกนี้มีอาการภูมิแพ้ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว คุณเองก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเรารับมือกับโรคภูมิแพ้ได้ด้วยอาหารการกิน โดยเฉพาะอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์เควอเซทิน (quercetin)

ดร.แอสทริด ปูจารี ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรรักษาโรคเคยให้สัมภาษณ์ไว้ใน The Seattle Times ว่า เควอเซทินซึ่งเป็นสารต้านอาการแพ้และลดการอักเสบนั้น มีฤทธิ์ควบคุมการปล่อยสารก่อภูมิแพ้ได้ด้วย จึงลดโอกาสเกิดโรคได้อย่างชะงัด

นี่คือ 15
ผักผลไม้ที่คุณจะพบสารเควอเซทินมากที่สุดตามลำดับค่ะ หัวหอม ผักโขม แอปเปิล องุ่น แครอท บร็อกโคลี บลูเบอร์รี ผักกาดหอม ลูกพลัม แบล็คเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี พริกหวาน สตรอว์เบอร์รี่ มะเขือเทศ และลูกแพร์ เท่านี้ก็คลายกังวลเรื่องภูมิแพ้ไปได้เยอะเลยล่ะ

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ล้างพิษ ด้วย ชาเขียว

ชาเขียว เครื่องดื่มยอดฮิตที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณเป็นยา บำบัดมายาวนานนับพันๆ ปี เพราะนอกจากชาเขียวจะเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพกายแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพใจอีกด้วย และคุณสมบัติที่โดดเด่นของชาเขียวอีกอย่างหนึ่งก็คือ การช่วยล้างพิษออกจากร่างกายได้ลึกถึงระดับเซลล์ ด้วยสาร Polyphenols ในชาเขียวสามารถออกฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่ทำหน้าที่ขจัดสารพิษในตับ (Detoxifying Enzyme) ช่วยยับยั้งขบวนการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และพัฒนาการทำงานองแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้

นอกจากนี้ชาเขียวยังสามารถขจัดอนุมูลอิสระช่วยให้หลอดเลือดและหัวใจทำงานดีขึ้น ผิวพรรณสดใสและสนับสนุนการทำงานของเอ็นไซม์ในตับซึ่งเป็นเหมือนโรงงานขจัด สารพิษจากอาหารแห่งเดียวของร่างกาย จึงนับว่าการบริโภคชาเขียวเป็นการล้างพิษทางกายภาพที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุดค่ะ


ผลที่ได้รับจากการล้างพิษด้วยชาเขียว
ระบบขับถ่ายของเราจะค่อยๆ ดีขึ้นปัญหาท้องผูกและอาการร้อนในลดลง
โอกาสเกิดโรคมะเร็งในทางเดินอาหารลดน้อยลงกว่าผู้ที่ไม่ได้บริโภคชาเขียว
ผิวพรรณจะค่อยๆ สดใส ไม่หมองคล้ำ ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น
ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความจำเสื่อม
ตับมีสุขภาพดี
ที่สำคัญที่สุดยังห่างไกลจากโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเรื้อรังต่างๆ ได้อีกด้วย

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

เคท มิดเดิลตัน เจ้าหญิงเเห่งราชวงค์อังกฤษ



ข่าวการเตรียมอภิเษกสมรสกับเจ้าชายวิลเลียม นอกจากจะทำให้ เคท มิดเดิลตัน กลายเป็นสมาชิกคนล่าสุดของราชวงศ์วินด์เซอร์แห่งอังกฤษแล้ว ยังถูกจับตามองว่าจะกลายเป็นผู้นำโลกแฟชั่นคนใหม่ ซึ่งครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงไดอาน่า เคยได้รับการยกย่องมาก่อน

เคท มิดเดิลตัน พระสหายคนสนิทของเจ้าชายวิลเลียมที่คบหากันมากว่า 7 ปี ได้รับยกย่องจากสื่อถึงรสนิยมอันเป็นเลิศในการแต่งกายด้วยภาพลักษณ์อันเป็นธรรมชาติ แต่แฝงด้วยสไตล์ทุกครั้งที่ออกสื่อ กระทั่งการประกาศข่าวการหมั้น ทำให้ผู้เชี่ยวชาญวงการแฟชั่นต่างพร้อมใจกันยกให้ มิดเดิลตัน เป็นผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำกระแสของวงการแฟชั่นคนใหม่ เหมือนครั้งที่เจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดาของเจ้าชายวิลเลียมเคยได้รับการยกย่องจากวงการแฟชั่นโลกมาก่อน

ด้วยสไตล์ที่สมบูรณ์แบบของ มิดเดิลตัน ไม่เพียงเห็นได้จากงานที่เป็นทางการ แต่บ่อยครั้งในงานอย่างการแข่งขันกีฬาขี่ม้าหรือโปโล มิดเดิลตัน ได้กลายเป็นจุดสนใจของคนในงานด้วยชุดที่เรียบง่ายอย่างหมวกปีกกว้างและกางเกงยีนส์เท่านั้น ทำให้ที่ผ่านมามีการตั้งเว็บบล็อกเพื่ออุทิศให้กับแนวทางการแต่งตัวของเธอมาแล้ว แม้จะเกิดมาในครอบครัวที่มั่งคั่งแต่ "มิดเดิลตัน" ชื่นชอบที่จะหาซื้อเสื้อผ้าจากร้านค้าทั่วไป เช่นครั้งที่ซื้อชุดราคา 40 ปอนด์จากร้าน Topshop ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ ทำให้ 24 ชั่วโมงต่อมาชุดแบบเดียวกันนั้นทุกขนาดถูกกว้านซื้อจนหมดอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการรักษาภาพลักษณ์อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะในงานปาร์ตี้หรือบางครั้งที่ผิดพลาดในการเลือกชุดออกงานก็ผ่านมาได้ทุกครั้งด้วยอารมณ์ขันและเสน่ห์ที่เหลือเฟือ



จากนี้ทั่วโลกคงจับตามอง มิดเดิลตัน ว่าจะเลือกดีไซเนอร์คนไหนมาออกแบบชุดที่จะใช้ในพิธีอภิเษกสมรส ซึ่งผู้สัดทัดกรณีเชื่อว่าชุดที่จะใช้ในพิธีอภิเษกสมรสที่สำคัญที่สุดของอังกฤษในรอบ 3 ทศวรรษนี้จะเป็นผลงานของนักออกแบบชาวอังกฤษ ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจจะเป็น อแมนด้า วาเคลีย์ หรือ บรูซ โอลฟีลด์ ผู้ที่เคยทำให้ชุดอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงไดอาน่าเมื่อปี 1981 กลายเป็นชุดแต่งงานที่ถูกเจ้าสาวทั่วโลกเลียนแบบมากที่สุดในประวัติศาสตร์มาแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

วันคุ้มครองโลก (Earth Day)




วันคุ้มครองโลกถือกำเนิดในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 27 ปีก่อน ในวันที่ 22 เมษายน 2513 นักอนุรักษ์ธรรมชาติกลุ่มหนึ่งได้จัดให้มีการแสดงพลังครั้งใหญ่ เพื่อปลุกเร้าจิตสำนึกเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับวันยิ่งถูกมนุษย์ทำลาย ในการแสดงพลังครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วมกว่า 20 ล้านคนและปรากฏขึ้นตามเมืองใหญ่ ๆ เกือบทั้งสหรัฐ

หลังจากนั้นความห่วงใยปัญหาสภาพแวดล้อมของสหรัฐก็เพิ่มพูนขึ้น มีการออกกฎหมายควบคุมการกระทำที่สร้างความเสียหายให้กับธรรมชาติ สำหรับประเทศไทยเริ่มพูดถึงวันคุ้มครองโลกครั้งแรก เมื่อปี 2533 ถือเป็นการเริ่มต้นของสังคมไทยยุคเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะหลังจากสืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งกระทำอัตวินิบาตกรรม และเมื่ออาจารย์และนักศึกษาร่วมกัน 16สถาบันได้จัดงานวันคุ้มครองโลกขึ้นเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของป่าอนุรักษ์ และตระหนักถึงวิกฤตการทำลายสัตว์ป่าและป่าไม้ประเทศไทย ยังมีการจัดงานเพื่อหาทุนเข้ามูลนิธิสืบนาคะเสถียร เพื่อใช้ในการปกป้องรักษาผืนป่า ที่เป็นมรดกของโลกอีกด้วย

ความเป็นมาของวันคุ้มครองโลก
ชนวนความคิดเรื่องวันคุ้มครองโลกเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 โดยสมาชิกวุฒิสภา เกย์ลอร์ด เนลสัน (Senator Gaylord Nelson) ซึ่งต่อมาก็เป็นผู้ที่ก่อตั้งวันคุ้มครองโลกได้สำเร็จ

ก่อนที่ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมจะเข้าไปสู่ความสนใจของประชาคมโลก พลเมืองโลกระดับรากหญ้า ได้ตระหนักถึงปัญหาความเสื่อมโทรมทางสิ่งแวดล้อม ที่ปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปอย่างเด่นชัดเป็นอย่างดี ในทางกลับกันนักการเมืองระดับประเทศกลับมองไม่เห็น ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า หัวข้อเรื่องสิ่งแวดล้อมดังกล่าว จะไม่เคยได้รับการบรรจุเข้าไปในวาระการประชุมทางการเมืองระดับชาติเลย

อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องการกำหนดให้มีวันคุ้มครองโลกขึ้นก็มีความผันแปรเรื่อยมา จากครั้งแรกที่มีการนำเสนอตลอดระยะเวลา 7 ปีของการรณรงค์ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2512 วุฒิสมาชิกเนลสัน ได้ตัดสินใจจัดให้มีการชุมนุมประชากรระดับรากหญ้าทั่วประเทศขึ้น เพื่อแสดงความคิดเห็นในปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม และได้เชิญชวนทุกๆ คนให้เข้าร่วมในการชุมนุมดังกล่าว ผลจากความห่วงใยเรื่องวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ของคนในสังคมขณะนั้น ทำให้กลุ่มคนจำนวนมากเข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนั้น ซึ่งเป็นที่ปรากฏชัดว่า กิจกรรมชุมนุมดังกล่าวเป็นการนำไปสู่ความสำเร็จอันงดงามของการก่อตั้งวันคุ้มครองโลกขึ้น
ในที่สุด วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2513 “วันคุ้มครองโลก” ก็ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก นิตยสาร อเมริกัน เฮริเทจ (American Heritage Magazine) ฉบับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2536 ได้หวนรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “เป็นเหตุการณ์ที่โดดเด่นที่สุดเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์


Earth Day

Earth Day is a day that is intended to inspire awareness and appreciation for the Earth's natural environment. Earth Day was founded by United States Senator Gaylord Nelson as an environmental teach-in first held on April 22, 1970. While this first Earth Day was focused on the United States, an organization launched by Denis Hayes, who was the original national coordinator in 1970, took it international in 1990 and organized events in 141 nations. Earth Day is now coordinated globally by the Earth Day Network, and is celebrated in more than 175 countries every year. Numerous communities celebrate Earth Week, an entire week of activities focused on environmental issues. In 2009, the United Nations designated April 22 International Mother Earth Day.

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้าวโอ๊ต กับคุณประโยชน์ที่มากกว่าความอร่อย



ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ต และข้าวโอ๊ต คุ้นๆ กันใช่ไหมคะกับคำๆ นี้ ที่มักจะเป็นส่วนผสมของอาหารธัญพืชต่างๆ ที่มีจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป แต่ถ้าจะถามว่าข้าวโอ๊ต รูปร่างหน้าตาเป็นแบบใด หรือมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง

หลายคนอาจจะยังสงสัย และนึกภาพกันไม่ออก วันนี้เราจะมาเจาะลึกเคล็ดลับความอร่อยของข้าวโอ๊ต พร้อมคุณประโยชน์ต่อร่างกายที่จะกลายมาเป็นเมนูอร่อยๆ มื้อต่อไปของคุณสาวๆ แน่นอนค่ะ

เหตุผลดีๆ ที่ข้าวโอ๊ตมีประโยชน์
ข้าวโอ๊ตมักนิยมนำมารับประทานเป็นอาหารเช้า เพราะเป็นธัญพืชที่ให้พลังงานสูง แต่ให้ไขมันที่ต่ำ มีวิตามินและเกลือแร่ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างทันที และสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ข้าวโอ๊ตจึงนับเป็น

อาหารที่ทำให้เราได้รับสารอาหารที่หลากหลาย มีเส้นใยมาก ทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะลำไส้เราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดอาการท้องผูก จึงดูดซึมน้ำตาลไขมันของเสียต่างๆ ได้ดี ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน ไม่หิวระหว่างมื้อบ่อยๆ นอกจากนี้ยังมีสารประกอบที่สำคัญคือ เบต้ากลูแคน เป็นเส้นใยอาหารที่สามารถละลายในน้ำได้ดี มีคุณสมบัติคอยดูดซับคอเลสตอรอลในลำไส้เล็ก และปล่อยเป็นของเสียออกจากร่างกาย การรับประทานข้าวโอ๊ตจึงช่วยในการลดคอเลสตอรอล ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และโรคหัวใจได้ผลดี ซึ่งองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) รับรองผลการศึกษาวิจัยว่า หากร่างกายได้รับเบเต้ากลูแคนอย่างน้อย 3 กรัมต่อวันจะสามารถช่วยลดปัญหาคอเลสเตอรอลได้ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอล และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

ข้าวโอ๊ต กินอย่างไรได้ประโยชน์?
เรามักนิยมนำข้าวโอ๊ตมารับประทานเป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน ข้าวโอ๊ต 100 กรัม ให้พลังงาน 390 กิโลแคลอรี (1,630 กิโลจูล) คาร์โบไฮเดรต 66 กรัม ไขมัน 7 กรัม โปรตีน 17 กรัม วิตามินบี 5 1.3 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 5 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 177 มิลลิกรัม และกากใยไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ 4 กรัม เราสามารถนำข้าวโอ๊ตมาปรุงเป็นหลากหลายเมนูอร่อยได้ไม่ซ้ำ สามารถรับประมานได้ตลอด และรวดเร็ว เหมาะกับวิถีชีวิตชาวเมืองที่รีบเร่งของทุกวันนี้ด้วยค่ะ สบายอารมณ์มีสูตรข้าวโอ๊ตอร่อยๆ มานำเสนอ เผื่อสาวๆ อยากจะทำรับประทานที่บ้านบ้างก็ไม่ว่ากันค่ะ

• ตอนเช้าๆ ลองซื้อน้ำเต้าหู้เจ้าอร่อย หรือนมสดสักแก้ว แล้วผสมข้าวโอ๊ตลงไป (หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปค่ะ) พร้อมลูกเกด ผลไม้สดต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ถั่วลิสง ช่วยเพิ่มพลังให้เช้านี้อย่างสดใส อิ่มท้องอยู่นานไปจนมื้อเที่ยงเลยค่ะ

• โจ๊กข้าวโอ๊ตร้อนๆ นำข้าวมาต้มให้เปื่อยจนกลายเป็นโจ๊ก แล้วปรุงน้ำซุปให้ได้รสชาติตามต้องการ จากนั้นเติมข้าวโอ๊ตลงไป ตามด้วยหมูสับ และผักตามชอบสับละเอียด ก็จะได้โจ๊กข้าวโอ๊ตร้อนๆ มากคุณค่า

ข้าวโอ๊ตกับความงาม
นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังสามารถนำมาใช้บำรุงความสวยความงามของสาวๆ กันได้อีกมากมาย นำมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ เช่น แชมพู โลชั่นทาผิว สบู่ข้าวโอ๊ต เพราะข้าวโอ๊ตมีวิตามินอี เป็นกลีเซอรีนตามธรรมชาติ คงความชุ่มชื่นของผิวได้ดี นอกจากนี้เรายังสามารถนำข้าวโอ๊ตมาผสมกับน้ำผึ้ง แล้วนำมาสครับผิวได้อีกด้วยค่ะ หรือสามารถนำมาผสมน้ำอาบ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ขึ้น แต่ไม่มัน เพราะมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยดูดซับความมันออกจากผิวได้

วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

ครบรอบ 50 ปี การเดินทางของมนุษย์คนเเรกสู่อวกาศ


ยูริ กาการิน มีชื่อเต็มว่า ยูริ อะเลคเสเยวิช กาการิน เกิดที่เมืองกชาทสค์ในสหภาพโซเวียต ในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2476 โดยเป็นบุตรของช่างไม้ในระบบนารวม ซึ่งเป็นระบบของประเทสที่เป็นคอมมิวนิสต์ใช้ในช่วงนั้น ในวัยเด็กเขาเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนการค้าใกล้กรุงมอสโก เพื่อเป็นช่างปั้น หลังจากจบการศึกษาเขาได้เข้าศึกษาต่อที่วิทบาลัยอุตสาหกรรมที่เมืองซาราตอฟ เเละในขณะเดียวกันก็เข้ารับการอบรมทางด้านการบินไปด้วยควบคู่กัน เมื่อเจ็บหลักสูตรเเล้วก็ได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายเรืออากาสโซเวียต ที่ โอเรนบูร์ก เเละสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ.2500

หลังจากจบการศึกษาเเล้ว เขาได้เข้ารับราชการในกองทัพอากาศโซเวียตเเละเริ่มขับเครื่องบิน MIG-15 เเละที่นี่เขาได้พบกับ Valentina Goryacheva เเละเเต่งงานกับเธอในปี ค.ศ. 1957 หลังจากนั้นเขาได้รับการคัดเลือกเข้าสู่โครงการอวกาสของสหภาพโซเวียต ซึ่งในขระนั้นมีการเเข่งัขนกันทางด้านอวกาศกับสหรัฐอเมริกาอย่างหนักหน่วง กาการินต้องผ่านการทดสอบมากมาย จนถึงขั้นสุดท้าย รัฐบาลโซเวียตตัดสินใจเลือกให้เขาเป็นนักบินอวกาศคนเเรกของโซเวียต เพื่อทำการบินสู่อวกาศ ซึ่งหลังจากเขาเสียชีวิตไปเเล้วได้มีรายงานการวิเคราะห์จากสื่อตะวันตกถึงเเรงจูงใจที่เขาได้รับเลือกนั้น เพราะเขามีหน้าตาที่ดีเเละดูเป็นมิตร เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับลัทธิคอมมิวนิสต์
กาการิน บังคับยานวอสตอค 1 (Vostok 1) ที่มีน้ำหนัก 4.75 ตันขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศในวันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2504 เมื่อเวลา 9.07 น. เเละทำการโคจรรอบโลก 1 รอบ ซึ่งกินเวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที ที่ระดับความสูงมากที่สุดเท่าที่มนุษยชาติเคยไปถึง 187 ไมล์ หรือ 301 กิโลเมตร จากพื้นผิวโลก เเละทำการลงจอดเมื่อเวลา 10.55 น. ในวันเดียวกัน ตามเวลาในรัสเซีย

ผลจากความสำเร็จในการบินครั้งนี้ทำให้ ยูริ กาการิน เเละสหภาพโซเวียต มีชื่อเสียก้องโลก เเละเป็นการประกาศชัยชนะทางด้านอวกาศเหนือสหรัฐอเมริกา เขาได้รับเครื่องประดับเกียรติยศเลนิน และได้ตำแหน่งเป็นวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต นอกจากนี้ยังมีการสร้างอนุสรณ์สถานและตั้งชื่อถนนเพื่อเป็นเกียรติแต่กาการินในสถานที่หลายแห่งทั่วประเทศ หลังจากนั้นยูริ กาการิน ก็เดินสายโชวืตัวในประเทศต่าง ๆ มากมายรวมทั้งสหรัฐอเมริกาตามเเผนโฆษณาชวนเชื่อของคอมมิวนิสต์ ซึ่งงประสบผลอย่างดีจากบุคลิกท่าทางเเละน่าตาที่หล่อเหลาเเละเป็นมิตร ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบนิยมของประชาชนในทุกประเทศที่เขาเดินทางไป

หลังจากหมดภารกิจเเล้ว ยูริ กาการิน กลับมาทำงานกับกองทัพอากศสหภาพโซเวียตอีกครั้ง เเต่มีหน้าที่ฝึกนักบินอวกาศของโซเวียตเท่านั้น เเละไม่มีโอกาสกลับไปคุมยานอวกาศอีกเลย เเละในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2511 ผู้พันกาการิน ก็ประสบอุบัติเหตุ เครื่องบินตก ขณะทำการอบรมการบินตามปกติ ใกล้กรุงมอสโก ด้วยวัยเพียง 34 ปี อัฐิของเขาถูกบรรจุไว้ในช่องเก็บในกำเเพงพระราชวังเครมลินอย่างสมเกียรติ เเละหลังจากนั้นรัฐบาลโซเวียตได้เปลี่ยนชื่อเมืองกชาทสค์ บ้านเกิดของเขาให้เป็นเมืองกาการิน เพื่อสดุดีผลงานของนักบินอวกาศคนเเรกของชาติเเละของโลกที่ไปถึงจุดที่สูงที่สุดที่มนุษย์เคยไปถึงมา

เเต่การเสียชีวิตของเขาก็ถูกตั้งข้อสังเกตจากชาติตะวันตกที่เป็นปฎิปักษ์กับโซเวียตในขณะนั้นว่าเป็นแผนการลอบสังหารเขา จากหน่วยสืบราชการลับของโซเวียต หรือเคจีบี ที่ต้องการจะให้ ยูริ กาการิน เป็นสัญลักาณ์ทางความเชื่อที่ไม่มีวันตาย เเละเป็นอมตะตลอดไป ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ว่าจริงเท็จเเค่ไหน เเต่สิ่งหนึ่งที่ได้พิสูจน์เเล้วก็คือ ยูริ กาการิน เป็นมนุษย์คนเเรกที่เดินทางไปถึงอวกาสได้สำเร็จ

วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

Songkran


The Songkran festival (Thai: สงกรานต์, from Sanskrit saṃkrānti, "astrological passage") is celebrated in Thailand as the traditional New Year's Day from 13 to 15 April. It coincides with the New Year of many calendars of South and Southeast Asia.

The date of the festival was originally set by astrological calculation, but it is now fixed. If these days fall on a weekend, the missed days off are taken on the weekdays immediately following. If they fall in the middle of the week, many Thai take off from the previous Friday until the following Monday. Songkran falls in the hottest time of the year in Thailand, at the end of the dry season. Until 1888 the Thai New Year was the beginning of the year in Thailand; thereafter 1 April was used until 1940. 1 January is now the beginning of the year. The traditional Thai New Year has been a national holiday since then.

Songkran has traditionally been celebrated as the New Year for many centuries, and is believed to have been adapted from an Indian festival. It is now observed nationwide, even in the far south. However, the most famous Songkran celebrations are still in the northern city of Chiang Mai, where it continues for six days and even longer. It has also become a party for foreigners and an additional reason for many to visit Thailand for immersion in another culture.

New year traditions The most obvious celebration of Songkran is the throwing of water. Thais roam the streets with containers of water or water guns (sometimes mixed with mentholated talc), or post themselves at the side of roads with a garden hose and drench each other and passersby. This, however, was not always the main activity of this festival. Songkran was traditionally a time to visit and pay respects to elders, including family members, friends and neighbors.

Besides the throwing of water, people celebrating Songkran may also go to a wat (Buddhist monastery) to pray and give food to monks. They may also cleanse Buddha images from household shrines as well as Buddha images at monasteries by gently pouring water mixed with a Thai fragrance (Thai: น้ำอบไทย) over them. It is believed that doing this will bring good luck and prosperity for the New Year. In many cities, such as Chiang Mai, the Buddha images from all of the city's important monasteries are paraded through the streets so that people can toss water at them, ritually 'bathing' the images, as they pass by on ornately decorated floats. In northern Thailand, people may carry handfuls of sand to their neighborhood monastery in order to recompense the dirt that they have carried away on their feet during the rest of the year. The sand is then sculpted into stupa-shaped piles and decorated with colorful flags.

Some people make New Year resolutions - to refrain from bad behavior, or to do good things. Songkran is a time for cleaning and renewal. Besides washing household Buddha images, many Thais also take this opportunity to give their home a thorough cleaning.

Some children having fun at the Bangkok Zoo during Songkran.The throwing of water originated as a way to pay respect to people, by capturing the water after it had been poured over the Buddhas for cleansing and then using this "blessed" water to give good fortune to elders and family by gently pouring it on the shoulder. Among young people the holiday evolved to include dousing strangers with water to relieve the heat, since April is the hottest month in Thailand (temperatures can rise to over 100°F or 40°C on some days). This has further evolved into water fights and splashing water over people riding in vehicles.

Nowadays, the emphasis is on fun and water-throwing rather than on the festival's spiritual and religious aspects, which sometimes prompts complaints from traditionalists. In recent years there have been calls to moderate the festival to lessen the many alcohol-related road accidents as well as injuries attributed to extreme behavior such as water being thrown in the faces of traveling motorcyclists.

The water is meant as a symbol of washing all of the bad away and is sometimes filled with fragrant herbs when celebrated in the traditional manner.

Songkran is also celebrated in many places with a pageant in which young women demonstrate their beauty and unique talents, as judged by the audience. The level of financial support usually determines the winner, since, to show your support you must purchase necklaces which you place on your chosen girl.

วันเสาร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2554

อู้ว วันครบรอบ 119 ปี ตั้งแต่กำเนิดไอศครีมซันเดย์

วันเกิดไอศครีมซันเด 3 มี.ค. 1892 แล้วทำไมต้องซันเด?

ถ้าใครเริ่มเข้าเว็บไซต์ google ตอนนี้ ก็จะสังเกตเห็นภาพ Doodles เปลี่ยนไปอีกแล้ว

ice cream sundae ไอศครีมซันเดย์ ประวัติ และ ที่มา การแพร่หลายของไอศกรีมจากฝรั่งเศสเข้าไปอเมริกา ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17จนไอศกรีมกลายเป็นของหวานที่ผู้คนชื่นชอบกันมาก ในช่วงนี้ตำนานไอศกรีมในสหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะ 'ไอศกรีมซันเดย์'ได้ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความอึมครึมเนื่องจากยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่า เกิดขึ้นในรัฐไหนกันแน่ แต่ที่แน่ๆในราวๆปี พ.ศ. 2435 ไอศกรีมซันเดย์ได้ถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางความตื่นเต้นของอเมริกันชนสมัยนั้นอย่างถ้วนหน้า

เล่ากันสืบมาว่า ในรัฐนิวยอร์มีการนำคำว่า 'ซันเดย์'มาใช้ตั้งชื่อไอศกรีม สืบเนื่องจากทางร้านขายยาที่มีชื่อ 'แพลตต์แอนด์โคต์' โดยนายเชสเตอร์ แพลตต์ เจ้าของร้านเกิดไอเดียใหม่ๆขึ้นมาโดยการนำเอาไอศกรีมมาจำหน่าย ตามปรกติแล้วเชสเตอร์เขาจะตักไอศกรีมขายปรกติธรรมดาๆ ต่อมาวันหนึ่งซึ่งเป็นวันอาทิตย์ นายเชสเตอร์ แพลตต์ ได้รับแรงดลใจอะไรสักอย่างเลยตักไอศกรีมใส่ถ้วยแชมเปญแล้วนำเอาไซปรัสรสเชอรี่มาราดลงบนก้อนไอศกรีมด้วย และประดับด้วยผลเชอรี่แช่อิ่มบนยอด ดูสวยงามน่ารับประทานเป็นอย่างยิ่ง
จากกลยุทธ์อันนี้เองสามารถเรียกร้องความสนใจจากลูกค้าขาประจำและขาจรของนายเชสเตอร์ แพลลต์ได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่เกิดไอเดียอันบรรเจิดจนได้'ไอศกรีมหน้าตากแปลกๆ'ดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าไอศกรีมดังกล่าวก็ขายดีเป็นเท น้ำเทท่า จนนายเชสเตอร์ แพลตต์ จนนับเงินกันแทบไม่ทัน และเขาไม่ลืมที่จะตั้งชื่อให้ ไอศกรีมสูตรดังกล่าวเสียอย่างเลิศหรูว่า 'Cherry Sunday' โดยให้เหตุผลง่ายๆว่า เพราะมันก่อกำเนิดขึ้นในวันอาทิตย์นั่นเอง

ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราได้รับรู้รับทราบถึงเส้นทางของ 'ไอศกรีมซันเดย์' ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร แต่นั่นไม่ได้เป็นตำนานเดียวเท่านั้น เนื่องจากยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับไอศกรีมซันเดย์อีกหลายตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา

ว่ากันว่าแต่ก่อนมีการขายไอศครีมโซดาทุกวัน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1875 กฎหมายของมลรัฐอิลลินอยส์ได้ร่างออกมา ห้ามขายไอศครีมโซดาในวันอาทิตย์
ดังนั้น เฉพาะวันอาทิตย์จึงมีการคิดค้นสูตรไอศครีมขึ้นมาใหม่ ผสมน้ำหวานแทนโซดา

ปรากฎว่าไอศครีมเลี่ยงกฎหมายตัวนี้ กลับขายดีเป็นที่นิยมมาก จนแม้วันธรรมดาก็มีผู้ถามหาโดยเรียกไอศครีมนี้ว่า 'ไอศครีมซันเดย์' (Sunday) แต่เจ้าหน้าที่รัฐได้ออกมา ห้ามใช้ชื่อ Sunday
เพราะวันอาทิตย์เป็นวัน แซบบาธ (Sabbath) ซึ่งถือว่าเป็นวันสำคัญในการประกอบพิธีทางศาสนาของชาวคริสต์ จึงได้มีการเปลี่ยนตัวสะกดจาก Sunday เป็น Sundae แทน

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้

สรรพคุณ และ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้
เรื่องของอาหารสุขภาพรวมถึงน้ำผักผลไม้เพื่อสุขภาพนั้นสมัยนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากค่ะ เราเลยได้โอกาสนำประโยชน์ของน้ำผักผลไม้และสรรพคุณของน้ำผักผลไม้มาฝากกันอีกด้วยค่ะ เพื่อให้คุณผู้หญิงหรือใครก็ตามที่ชอบรักษาสุขภาพได้ลองเลือกน้ำผักผลไม้ได้อย่างตรงตามเป้าหมายในสุขภาพของคุณค่ะ เพราะใน ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้ นั้นมีมากมายทีเดียวและวันนี้เราก็นำ ประโยชน์ของน้ำผักผลไม้ รวมถึง สรรพคุณของน้ำผักผลไม้ แต่ละชนิดมาฝากกันอีกด้วยค่ะ ใครอยากรู้ก็มาดูประโยชน์ของน้ำผักผลไม้และสรรพคุณของน้ำผักผลไม้กันได้เลยค่ะ

น้ำขจัดสารพิษหากขาดน้ำร่างก่ายก็ไม่สามารถอยู่ได้เพราะน้ำจะช่วยลำเลียงสารอาหารไปยังเซลล์ต่าง ๆ ช่วยขจัดสารพิษปรับระดับอุณหภูมิให้ร่างกายดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้ได้วันละประมาณ 1.5 ลิตร
- ชา

ป้องกันโรคฟันผุ ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งลำไส้ ไม่มีแคลอรี ในชาเขียวและชาดำมีฟูลออไรด์เป็นจำนวนมากที่จะช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและยับยั้งฟันผุ เพื่อให้ได้ผลควรดื่มชาร้อนหรือชาอุ่น ๆ และไม่ควรดื่มชาที่เหลือค้างคืน

- โยเกิร์ต

ช่วยขจัดสารพิษ และโยเกิร์ตมีแร่ธาตุ เช่น แคลเซียมและโพแทสเซียม ซึ่งมีความสำคัญสำหรับน้ำในร่างกาย นอกจากนี้โยเกิร์ตยังมีประโยชน์สำหรับดวงตาและผิวกรดนมในโยเกิร์ตช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายและให้ประโยชน์กับแบคทีเรียในลำไส้



- นม

ช่วยให้กระดูกแข็งแรง และในนมมีโปรตีนสูงซึ่งง่ายต่อการย่อยและมีแคลเซียมสูง ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในวัยชราและกรดไขมันในนมจะช่วยให้เส้นเลือดยืดหยุ่น

- น้ำแอปเปิ้ล

ป้องกันมะเร็ง น้ำแอปเปิ้ลสด ๆ มีคุณค่ามากที่สุดช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนพลังและป้องกันมะเร็งช่วยให้มีสมาธิ สิ่งที่ต้องระวังก็คือ ต้องเป็นแอปเปิ้ลที่ไม่ผ่านการแว็กซ์ หากไม่แน่ใจก็ปอกเปลือกแอปเปิ้ลทิ้งแม้ว่าเปลือกของมันจะมีประโยชน์ก็ตาม



- น้ำลูกแพร์

ป้องกันความเครียด มีกรดโฟลิกสูงซึ่งจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแห่งความสุขช่วยให้มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใส



- น้ำผัก

ป้องกันโรคอ้วนเหมาะสำหรับเด็กเป็นอย่างยิ่งเพราะมีน้ำตาลต่ำกว่าน้ำผลไม้และเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ควรดื่มน้ำผักสดที่ปั่นเเองและไม่เติมน้ำตาลที่สำคัญคือควรเป็นผักปลอดสารพิษ

- น้ำแครอท

บำรุงสายตาและป้องกันมะเร็งเพื่อให้การดูดซึมวิตามินเอจากแครอทได้ดีขึ้นควรรับประทานอาหารที่มีไขมันตามไปด้วย แต่ก็ไม่ควรดื่มน้ำแครอทมากเกินไปเพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเนื่องจากวิตามินเอจะถูกกักเก็บไว้ในตับ



- น้ำมะเขือเทศ

ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากและช่วยให้ผิวอ่อนวัย ถ้าอยากดื่มน้ำมะเขือเทศให้อร่อยควรเติมพริกไทยและเกลือลงไปด้วย ในมะเขือเทศมีสารไลโคปีนซึ่งจะช่วยป้องกันมะเร็งและป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัย หากเป็นมะเขือเทศทีผ่านการทำให้สุกด้วยความร้อนก็จะยิ่งมีไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศดิบ ที่สำคัญคือไม่ควรดื่มน้ำมะเขือเทศที่เย็นจัด

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

World Water Day

World Water Day has been observed on March 22 since 1993 when the United Nations General Assembly declared March 22 as World Day for Water.

This day was first formally proposed in Agenda 21 of the 1992 United Nations Conference on Environment and Development (UNCED) in Rio de Janeiro, Brazil. Observance began in 1993 and has grown significantly ever since; for the general public to show support, it is encouraged for the public to not use their taps throughout the whole day, the day has become a popular Facebook trend.

The UN and its member nations devote this day to implementing UN recommendations and promoting concrete activities within their countries regarding the world's water resources. Each year, one of various UN agencies involved in water issues takes the lead in promoting and coordinating international activities for World Water Day. Since its inception in 2003, UN-Water has been responsible for selecting the theme, messages and lead UN agency for the World Day for Water.


In addition to the UN member states, a number of NGOs promoting clean water and sustainable aquatic habitats have used World Day for Water as a time to focus public attention on the critical water issues of our era. Every three years since 1997, for instance, the World Water Council has drawn thousands to participate in its World Water Forum during the week of World Day for Water. Participating agencies and NGOs have highlighted issues such as a billion people being without access to safe water for drinking and the role of gender in family access to safe water. In 2003, 2006 and 2009, the UN World Water Development Report was launched on the occasion of the World Water Day. The fourth Report is expected to be released around March 22, 2012.[citation needed]

March 22, 2011 - World Water Day. Water for cities: responding to the urban challenge

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

น่ารู้! สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร


วันนี้เรามีสมุนไพรช่วยย่อยอาหารมาฝากคนรักสุขภาพและชอบที่จะดูแลตัวเองค่ะ สำหรับ สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร นี้จะเหมาะอย่างมากกับคนที่มักจะมีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้องอยู่เป็นประจำ ซึ่ง สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร ที่เรากำลังจะแนะนำต่อไปนี้ช่วยคุณได้แถมยังไม่ต้องพึ่งยาเลยนะจ๊ะขอบอก ก็แหม๋อะไรที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสมุนไพรก็ยังมีสรรพคุณทางยาที่ช่วยในการรักษาหรือทำให้อาการของคุณนั้นบรรเทาเบาบางลงไปได้อย่างมากเลยทีเดียวค่ะ นั้นอย่ารอช้าเลยดีกว่าเรามาดูสมุนไพรช่วยย่อยอาหารกันเลยค่ะว่าจะมีอะไรกันบ้างน๊า...
7 สมุนไพรช่วยย่อยอาหาร
1. กระเทียม
กระเทียมเป็นสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพหลายด้านเมื่อรับประทานเข้าไปสารในกระเทียมจะช่วยเพิ่มน้ำย่อยและน้ำดี ช่วยในการย่อยอาหารและยังแก้อาการปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย มีของฝากพิเศษสำหรับคนที่มีอาการจุกเสียดแน่นเนื่องจากอาหารไม่ย่อยอยู่บ่อย ๆ ให้นำกระเทียมปอกเปลือกนำเฉพาะเนื้อใน 5 กลีบ ซอยให้ละเอียดรับประทานกับน้ำหลังมื้ออาหารอาการจะค่อย ๆ หายไป


2. หอมเล็ก
มีฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ไกลโคไซด์ (Glycosides) เพคติน (Pectin) และกลูโคคินิน (Glucokinin) ช่วยย่อยอาหารและทำให้เจริญอาหาร หอมเล็กสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลายชนิดโดยเฉพาะยำต่าง ๆ


3. พริกสด
พริกทุกชนิดไม่ว่าจะเผ็ดมากเผ็ดน้อยก็ช่วยกระตุ้นการหลั่งของน้ำลายให้ออกมามากซึ่งเอนไซม์ในน้ำลายนี้จะช่วยย่อยสลายแป้งในปาก นอกจากนี้ยังพบว่าพริกขี้หนูรสเผ็ดร้อนช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร และขับลมได้ดี พริกอยู่ในสำรับไทยหลากหลายเมนูแต่อย่าเผลอกินเผ็ดจนท้องไส้ปั่นป่วนนะคะ

4. ข่า
ข่ามีฤทธิ์ขับน้ำดีจึงช่วยย่อยอาหารเช่นกันวิธีที่ดีที่ทำให้เรากินข่าได้อร่อยเหมือนผักอื่น ๆ ก็คือ เวลานำข่ามาใส่อาหารให้หั่นข่าเป็นชิ้นเล็ก ๆ

5. ตะไคร้
ตะไคร้มีสารช่วยในการขับน้ำดีมาช่วยย่อย ถ้าจะให้กินตะไคร้สด ๆ ก็คงไม่น่าอร่อยเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นน้ำพริกตะไคร้หรือชาตะไคร้ก็อร่อยไม่เบา

6. ใบแมงลัก
ใบแมงลักมีกลิ่นหอมเป็นลักษณะเฉพาะหอมโล่งจมูกและน้ำมันหอมระเหยหอม ๆ นี้เองที่มีฤทธิ์ในการช่วยย่อยอาหารคุยเรื่องใบแมงลักก็คิดถึงแกงเลียงทุกที


7. ใบกะเพรา
มีฤทธิ์ขับน้ำดีออกมาช่วยย่อยอาหารที่เรากินเข้าไป


สมุนไพรทั้ง 7 ชนิด นี้ หากเลือกกินอย่างเหมาะสม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องการย่อยมากวนใจ ทางที่ดีปลูกไว้ในบ้านก็ได้เพราะปลูกง่ายทุกชนิด

วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554

เเตงโมประโยชน์อันเหลือเชื่อ

แตงโมเป็นผลไม้ที่มีคุณสมบัติเย็น จะช่วยลดอาการไข้ คอแห้ง บรรเทาแผลในปาก เปลือกแตงโมนำไปต้มเดือด แล้วเติมน้ำตาลทราย ดื่มเพื่อป้องกันเจ็บคอ สิ่งที่ได้จากการบำรุงผิวหน้าด้วยแตงโม คือ ความเย็นของแตงโมช่วยผ่อนคลายผิวด้านนอกให้สดชื่น สารสีแดงจากแตงโม ที่เรียกว่า ไลโคปีน ที่มีแอนตี้ออกซิเดนท์ นอกจากช่วยในการบำรุงหัวใจ รวมถึงมะเร็งแล้ว ยังสามารถดูดซับความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ ยังอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ที่จะช่วยควบคุมระบบการไหลเวียนของโลหิตในบริเวณผิวหน้าให้เป็นปกติ ช่วยให้รูขุมขนมีความยืดหยุ่น ชุ่มชื่น อีกทั้งในน้ำแตงโม มีโมเลกุลของน้ำตาลอยู่พอประมาณ รวมทั้งกรดอะมิโนอีกเล็กน้อย ช่วยในการบำรุงผิวได้เป็นอย่างดี

วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2554

ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพ หลังการออกกำลังกาย

ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพ หลังการออกำลังกาย
เมื่อคุณออกกำลังกายเสร็จสิ่งหนึ่งที่จะช่วยคุณในการทำให้ร่างกายแข็งแรงและ ทำงานได้ดีขึ้นนั้นคือ อาหารและวันนี้เราก็มีเมนูประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพมาฝากกัน เพราะเมื่อออกกำลังกายแล้วแน่นอนค่ะว่าเราการย่อมสูญเสียพลังงานต่าง ๆ และแน่นอนว่า ร่างกายของเราก็ต้องการบางสิ่งมาทดแทนแต่ก็ควรเป็นอะไรที่พอดีกับร่างกายของเราด้วย และเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมอาหารที่ร่างกายต้องการจริง ๆ แล้วและเป็นเปลี่ยนแปลงให้ร่างกายของคุณฟื้นฟูดีขึ้น ฉะนั้นเห็นความสำคัญใน ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพ กันรึยังค่ะ ว่าแล้วเราก็มาดูกันเลยดีกว่าเราควรจะทานอะไรกันดีหลังจากที่ร่างการต้องสูญเสียเหงื่อไปเนี่ย
ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพ
เมนู 1 สับปะรด และ มะละกอ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อได้ดี เพราะในผลไม้ทั้งสองชนิดนี้มีเอนไซม์บรอมีเลนและปาเปน ที่นอกจากจะช่วยย่อยโปรตีนแล้วยังป้องกันการอักเสบช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีหลังการออกกำลังกาย

เมนู 2 แซลมอน ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด นักวิจัยในออสเตรเลียพบว่า นักปั่นจักรยานที่ได้รับไขมันปลาแซลมอนติดต่อกันถึง 8 สัปดาห์ จะมีอัตราการเต้นของหัวใจช้าลงและเกิดอาการหอบเหนื่อยน้อยลงขณะปั่นจักรยาน

เมนู 3 แซนด์วิชเนยถั่วผสมแยม หรือจะเป็น พาสตาซอสเนื้อ ก็ได้ จัดเป็นอาหารที่ช่วยสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เพราะโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต

เมนู 4 เนื้อหมูสันใน (เนื้อในส่วนที่ไม่มีมัน) เป็นแหล่งโปรตีนที่มีแคลอรีต่ำ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมคมาสเตอร์ในแคนาดา พบว่า การรับประทานโปรตีนแคลอรีต่ำให้มากขึ้นบวกกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจช่วยลดไขมันตรงส่วนเอวลงได้

เมนู 5 นม ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสมที่สุดในการช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวหลังการออกกำลังกายดีกว่าน้ำเปล่าหรือเครื่องดื่มเกลือแร่เสียอีก เนื่องจากนมอุดมไปด้วยโปแตสเซียมซึ่งช่วยเรื่องการเต้นของหัวใจ และการส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง และหากเติมช็อกโกแลตลงไปด้วยจะช่วยให้นมมีความสมดุลของคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน ทำให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

เมนู 6 กาแฟ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจอร์เจียในสหรัฐ พบว่า ถ้าร่างกายได้รับกาเฟอีนในปริมาณที่เท่ากับการดื่มกาแฟ 2 ถ้วย หลังออกกำลังกายจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้มาก เพราะกาเฟอีนจะไปยับยั้งสารเคมีที่กระตุ้นให้เกิดการเจ็บปวด

เมนู 7 น้ำเย็น สามารถดื่มได้ทั้งก่อนและขณะออกกำลังกายเพราะจะช่วยให้ออกกำลังกายได้นานขึ้นและน้ำเย็นยังช่วยลดอุณหภูมิในร่างกาย

เมนู 8 ชาเขียว ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ในบราซิลพบว่า ผู้ที่ดื่มชาเขียววันละ 2 ถึง 3 แก้ว อาจช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หลังออกกำลังกายอย่างหนัก

วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

13 มีนาคม วันช้างไทย


วันช้างไทย ริเริ่มจากคณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงาน องค์การภาครัฐและเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างไทยคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเล็งเห็นว่าหากมีการสถาปนาวันช้างไทยขึ้น จะช่วยให้ประชาชนคนไทย หันมาสนใจช้าง รักช้าง หวงแหนช้าง ตลอดจนให้ความสำคัญต่อการให้ความช่วยเหลืออนุรักษ์ช้างมากขึ้น

คณะอนุกรรมการฯ จึงได้พิจารณาหาวันที่เหมาะสม ซึ่งครั้งแรกได้พิจารณาเอาวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทำยุทธหัตถี มีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา แต่วันดังกล่าวถูกใช้เป็นวันกองทัพไทยไปแล้ว จึงได้พิจารณาวันอื่น และเห็นว่าวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการคัดเลือกสัตว์ประจำชาติ มีมติให้ช้างเผือกเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยนั้นมีความเหมาะสม จึงได้นำเสนอมติตามลำดับขั้นเข้าสู่คณะรัฐมนตรี โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกทางหนึ่ง ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 เห็นชอบให้ วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี เป็น วันช้างไทย และได้ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีลงในราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2541

ผลจากการที่ประเทศไทยมีวันช้างไทยเกิดขึ้น นับเป็นการยกย่องให้เกียรติว่าเป็นสัตว์ที่มีความสำคัญอีกครั้ง นอกเหนือจากเกียรติที่ช้างเคยได้รับในอดีต ไม่ว่าจะเป็นช้างเผือกในธงชาติ หรือช้างเผือกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หรือสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์

วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2554

เสน่ห์ของนอร์เวย์




ภาพวิวสวย วิวสวยของภูเขา ทะเลของนอร์เวย์ เมืองท่องเที่ยวแสนมีเสน่ห์ของนอร์เวย์ ประเทศที่น่าอยู่อันดับต้นๆ ของโลก พร้อมกิจกรรมอันน่า
สนใจมากมาย ทั้งปีนเขา แล่นเรือแสนสนุกกลางทะเล


วันอังคารที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2554

10 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

1.เมืองแคลกะรี ประเทศแคนาดา

2.เมืองโฮโนลูลู ฮาวาย ประเทศอเมริกา

3.กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์

4. กรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา

5. เมืองมินนีแอโพลิส ประเทศอเมริกา

6. กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์

7.กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน

8.เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์

9.เมืองคัทสึยาม่า ญี่ปุ่น

10.กรุงเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์เเลนด์

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

อ่าวมะนาว


บรรยากาศบริเวณอ่าวมะนาวอ่าวมะนาว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งใน อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ไปทางทิศใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร บริเวณอ่าวมะนาวมีทิวทัศน์สวยงาม ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจได้ และมีบริการบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว อ่าวมะนาวอยู่ในการควบคุมดูแลของกองบิน 5 และเคยเป็นยุทธภูมิในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2


แหล่งท่องเที่ยวในอ่าวมะนาว
อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 5 และ อนุสาวรีย์วีรชน 8 ธันวาคม 2484 เป็นอนุสาวรีย์เพื่อให้อนุชนของไทยมีจิตสำนึกและรักใคร่สามัคคี
เขาล้อมหมวก บนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระบรมสารีริกธาตุ

วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2554

กินลูกเชอร์รี่ต้านโรคเบาหวาน


กินลูกเชอร์รี่ต้านโรคเบาหวาน
นักวิจัยของมหาวิทยาลัยรัฐมิชิแกน รายงานว่าพบสารเคมีที่มีอยู่ในผลลูกเชอร์รี่ มีสรรพคุณสามารถจะต่อสู้รับมือกับโรคเบาหวานได้อย่างเหมาะเหม็ง
คณะนักวิจัยได้รายงานอยู่ในวารสาร “เคมีด้านเกษตรกรรมและโภชนาการ” ของสมาคมเคมีแห่งอเมริกันว่า สารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในลูกเชอร์รี่ มีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือด ในผู้ป่วยโรคเบาหวานลงได้
โดยได้ พบจากการทดลองในห้องปฏิบัติการกับเซลล์ตับอ่อนของสัตว์ สารเคมีที่มีชื่อว่า “แอนโทรไซยานิน” อันเป็นรงควัตถุ สีม่วงแดงมีอยู่ในถุงของเหลวของพืช ทำให้ดอกไม้และส่วนอื่นๆของพืช เช่น เปลือก ผลมีสีม่วง และแดงตามไปด้วยนั้น ได้ช่วยให้มันสามารถผลิตอินซูลินได้เพิ่มสูงขึ้นได้อีกถึง 50%
นักวิจัยกล่าวว่า สารประกอบทางเคมีเหล่านั้น ยังแสดงให้เห็นว่า นอกจากจะช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้ทั้ง 2 ชนิดแล้ว ยังจะช่วยควบคุมระดับกลูโคสในเลือดของผู้ป่วยได้อีกด้วย
สารแอนโทรไซยานิน ยังมีสรรพคุณเป็นตัวล้างพิษที่มีอำนาจ จึงมีประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งได้ด้วย

มหัศจรรย์พลังผัก 5 สี


มหัศจรรย์พลังผัก 5 สี
"ปัจจุบันคนทั่วโลกกำลังตื่นเต้นกับเรื่องผัก รู้ไหมว่าองค์กรระหว่างประเทศ องค์การอนามัยโลก กับยูนิเซฟจับมือกันเพื่อจัดให้มี การรณรงค์การกินผักผลไม้ให้เป็นวาระของโลกเป็น Global Agenda เพราะการกินผักของคนทั่วโลกลดลงอย่างน่าใจหาย” อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ อุปนายกสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย กล่าวในการบรรยาย เรื่อง มหัศจรรย์แห่งพลังผัก 5 สี สานสายใยรักในครอบครัว ซึ่งจัดโดยบริษัทแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส จำกัด

การกินผักเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา มนุษย์เรากินผักกันมาช้านาน แต่ระยะหลังกลับหลงลืมกันไป เหมือนเป็นเรื่องเส้นผมบังภูเขา

ปัจจุบันการกินผักผลไม้ของคนไทยลดลงอย่างน่าใจหาย นำมาซึ่งการเป็นโรคต่าง ๆ มากมาย อาทิ โรคหัวใจ หลอดเลือด เบาหวาน มะเร็ง

จากการสำรวจภาวะอาหารและโภชนาการของประเทศไทย โดยกองโภชนาการ กรมอนามัยพบว่า ปัจจุบันคนไทยกินผักในอัตรา ที่ลดลงเรื่อย ๆ ปัจจุบันเด็กไทยกินผักคนละช้อนครึ่งต่อคนต่อวัน และผู้ใหญ่กินผักคนละ 2 ช้อนครึ่งต่อคนต่อวัน

ขณะที่ คำแนะนำของกองโภชนาการระบุ เด็ก ต้องกินผักคนละ 12 ช้อนต่อคนต่อวัน ส่วนผู้ใหญ่ควรกินผัก 24 ช้อนต่อคนต่อวัน

มหัศจรรย์พลังผัก 5 สีประกอบไปด้วย เขียว เหลือง แดง ม่วง ขาว ซึ่งแต่ละสีก็จะให้คุณประโยชน์ที่แตกต่างกันไป

การกินผักผลไม้ก่อให้เกิดมหัศจรรย์ 3 อย่าง อย่างแรกคือ คนที่กินผักผลไม้เป็นประจำมักเจ็บป่วยน้อยกว่าคนไม่กินผักผลไม้เลย หรือเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วย ผู้ที่กินผักผลไม้เป็นประจำก็จะสามารถปรับสภาพได้เร็วกว่าคนไม่กินผัก โดยองค์การอนามัยโลกฟันธงชี้ชัดว่าเป็นเพราะผักผลไม้มีวิตามินและแร่ธาตุช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค

มหัศจรรย์อย่างที่สองคือ ในผักผลไม้มีวิตามินซี มีเบต้าแคโรทีน มีสารต้านอนุมูลอิสระ คนที่กินผักผลไม้เป็นประจำจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งบางชนิดน้อยกว่าคนไม่กินผักผลไม้

มหัศจรรย์อย่างสุดท้ายคือ ในผักและผลไม้มีไฟเบอร์ หรือใยอาหาร จะเกาะตัวกันเป็นก้อน ไหลผ่านลำไส้ กระเพาะ ขณะที่ไหลก็จะดักจับไขมัน น้ำตาล สารก่อมะเร็ง และสารพิษต่าง ๆ ที่ติดเข้าไปกับอาหาร เก็บไว้ในลำไส้ใหญ่ก่อนขับถ่ายออกมาเป็นอุจจาระ

การที่เด็กไทยให้ความสนใจกับการกินผักผลไม้ลดน้อยลงเรื่อย ๆ ทั้งที่รู้ว่าผักและผลไม้มีประโยชน์มากมาย อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ กล่าวว่า เป็นเพราะแม่บ้านยุคใหม่ทำกับข้าวไม่เป็น ต้องฝากเรื่องปากท้องไว้กับคนนอกบ้าน ส่วนใหญ่อาหารที่ซื้อให้ลูกรับประทานก็เป็นอาหารประเภทสำเร็จรูปที่ไม่มีผักปน

“เมื่อเด็กไม่ได้ถูกฝึกให้กินผัก โตขึ้นก็จะไม่กินผัก เรื่องแบบนี้จะไปโทษเด็กไม่ได้ ต้องโทษผู้ใหญ่ ที่ไม่รู้จักฝึกให้เด็กกินผัก และถ้าเด็กบ้านไหนไม่กินผักผู้ใหญ่ก็ไม่ควรไปตี หรือบังคับกดคอให้ลูกกินผัก แต่ควรหันกลับมานั่งวิเคราะห์ว่าทำไมลูกถึงไม่กินผัก แล้วค่อย ๆ หาวิธีให้ลูกกินผักทีละน้อย ๆ จะดีกว่า”

วิธีที่จะให้เด็กกินผักนั้นควรเริ่มตั้งแต่แม่ที่ตั้งครรภ์ ควรกินผักให้มาก ๆ เพื่อให้ลูกในครรภ์ได้รับรู้และคุ้นเคยกับกลิ่นของอาหารที่มีผัก หลังคลอดพ่อแม่ผู้ปกครองก็ควรทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี กินผักและผลไม้ให้ลูกเห็นเป็นประจำ

สำหรับเด็กที่โตแล้วแต่ยังไม่ยอมกินผักสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธี ง่าย ๆ ด้วยการฝึกให้เด็กเข้าครัวทำอาหารกินเองแบบง่าย ๆ อย่างเช่น ไข่เจียว โดยอาจใส่แครอทหรือฟักทองลงไปในไข่เจียวด้วย นอกจากเด็กจะได้ทานอาหารฝีมือตัวเองแล้ว การได้ทำกับข้าวร่วมกันยังเป็นการสานสายใยรักในครอบครัวอีกด้วย

“สรุปเราหันมากินผักกันเถอะ ผมต้องการเห็นคนไทยหันมากินผักผลไม้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะผักพื้นบ้านไทย เพื่อที่เราจะได้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง และอยากให้ใช้ผักเป็นสื่อเพื่อเชื่อมประสานสายใยรักแห่งครอบครัวให้ได้ ที่สำคัญเราต้องกินผักให้ได้หลายชนิดในแต่ละวัน ไม่ควรกินชนิดใดชนิดหนึ่งซ้ำซากจำเจ” อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ กล่าวสรุป

ผักสีแดง จะมีสาร Cycopene เป็นตัวพิกเมนต์ให้สีแดงในแตงโม มะเขือเทศ สาร Betacycin ให้สีแดงในลูกทับทิม บีตรูต และแคนเบอร์รี่ สารทั้งสองอย่างนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ Antioxydants ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งหลายชนิด


ผักสีส้ม หรือ สีเหลือง ล้วนอุดมไปด้วยวิตามินที่มีศักยภาพด้านการต้านอนุมูลอิสระอันเป็น ตัวก่อมะเร็ง คนผิวขาวที่กินมะละกอหรือแครอตมาก ผิวจะออกสีเหลืองสวย ช่วยลดระดับคอเลสเทอรอล หรือหากกินมะละกอห่ามมากๆ นานถึง 2 ปีอาจจะช่วยเปลี่ยนสีผิวหน้าที่เป็นฝ้าให้หายได้โดยไม่ต้องพึ่งครีมแก้ฝ้าเลย กรณีของข้าวโพดจะช่วยป้องกันความเสื่อมของจุดสี หรือแสงสีของเรตินาดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนแก่มองไม่เห็น

ผักสีเขียว ซึ่งพิกเมนต์คลอโรฟิลล์จะเป็นสารที่ให้สีเขียวแก่ผักต่างๆ ผักที่มีสีเขียวเข้มมากยิ่งมีคลอโร-ฟิลล์มาก เมื่อคลอโรฟิลล์ถูกย่อยแล้วจะมีพลังแรงมากในการป้อง กันมะเร็ง ทั้งยังช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ ในตัวคนอีกด้วย


ผักสีม่วง พืชผักสีม่วงมีสารแอนโทไชยานิน สีม่วงในดอกอัญชัน กะหล่ำปลี ผิวเข้ม ชมพู่มะเหมี่ยว มะเขือ ม่วง สารสีม่วงนี้จะช่วย ลบล้างสารที่ก่อมะเร็ง และสาร
Anthocyanin นี้ยังออกฤทธิ์ทาง ขยายเส้นเลือดช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและอัมพาตได้ดี


ผักสีขาว โดยเฉพาะดอกแคนั้นมีกันแทบทุกครัวเรือน ยอดแคมีเบตาแคโรทีนสูงมาก ดอกแคมีวิตามินซี ช่วยแก้หวัดได้ดี แถมยังช่วยให้ผิวสวย อย่าลืมดึงเกสรออกก่อนนำไปลวกหรือต้มเพราะเป็นส่วนที่ขมมากที่สุดนั่นเอง