หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สัตว์ที่เล็กที่สุดในโลก

ม้าที่เล็กที่สุดในโลก สูง43.18เซนติเมตร(17นิ้ว)

ม้าที่เล็กที่สุดเกิดจากการฝีมือการผสมเทียมของ Paul และKay Goessling ผู้เชี่ยวชาญในการผสมพันธุ์ม้าพันธุ์เล็ก และตั้งชื่อสุดเก๋ให้ม้าตัวนี้ว่า Thumbelina ปัจจุบันมีThumbelinaมีอายุ5ขวบ น้ำหนัก27.21กิโลกรัม และสูงเพียง17นิ่วครองแชมป์ม้าที่ตัวเล็กที่สุดในโลก

แมวที่ตัวเล็กที่สุดในโลก มีความสูง15.5เซินตเมตร(6.1นิ้ว)และยาว49เซนติเมตร]

พบกับMr.Peeblesอายุ2ขวบ หนัก3ปอนด์ จากCentral Illinois แมวที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากGuinness Book of World Recordsในปี2004ว่าเป็นแมวที่เล็กที่สุดในโลก

วัวที่เล็กที่สุดในโลก สูง81เซนติเมตร(31นิ้ว)

พันธุ์Indian zebuที่มีชื่อเรียกว่าVechur cow ค่าเฉลี่ยความสูงอยู่ที่31-35นิ้ว(81-91เซนติเมตร)ภาพถ่ายนี้เปรียบเทียบวัวที่ตัวเล็กมีอายุ16ปีกับวัวธรรมดาที่มีอายุแค่6ปี

สุนัขที่ตัวเล็กที่สุดในโลก สูง12.4เซนติเมตร(4.9นิ้ว)

ผู้ท้าชิงรายนี้มีน้ำหนักเพียง1.4ปอนด์สูง4.6นิ้ว สายเลือดชิวาว่า จากเมืองCharlton(Massachusetts,USA) มีนามว่า Ducky และได้กุมตำแหน่งสุนัขที่เล็กที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ของGuinness World Recordไว้

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เครื่องเทศและสมุนไพร "สรรพคุณมากมาย"

เครื่องเทศและสมุนไพรมีสรรพคุณเป็นยาที่ช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างมากมาย ถึงอยู่ที่แต่ละคนจะนำไปใช้กันค่ะ และไม่ใช่เพียงเท่านั้นใน เครื่องเทศและสมุนไพร นั้นยังจัดเป็นสิ่งที่ช่วยในการปรุงอาหารได้รสเยี่ยมอีกต่างหาก ฉะนั้นแล้วเมื่อเราจะปรุงอาหารทั้งทีก็อย่าลืมที่ลองนำ เครื่องเทศและสมุนไพร ไปใส่อาหารตอนปรุงรสดูกับเค้ากันบ้างนะจ๊ะ และวันนี้เรามี 9 เครื่องเทศและสมุนไพรไทย ที่มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็น ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันมะเร็ง และช่วยรักษาและเยี่ยวยาโรคต่าง ๆ ได้อีกค่ะ

9 เครื่องเทศและสมุนไพรไทย

1. พริกแดงแห้ง สารประกอบแคปไซซินที่ทำให้เกิดความเผ็ดร้อนในพริกอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งผิวหนังและลำไส้ใหญ่ การศึกษายังพบด้วยว่ามันทำให้คนเรากินน้อยลง

2. ลูกจันทน์ มีสารประกอบที่ช่วยต่อต้านแบคทีเรียและช่วยต่อสู้เชื้ออีโคไลและแซลโมเนลล่า (ที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียหรือท้องร่วง)

3. ยี่หร่า เป็นแอนตี้ออกซิแดนต์และสารต้านอาการอักเสบที่ทรงประสิทธิภาพที่อาจช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเนื้อร้ายได้

4. ขมิ้น ประกอบด้วยสารที่เรียกว่าเคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งอาจช่วยหยุดยั้งมะเร็งไม่ให้แพร่กระจายได้และช่วยป้องกันโรคเบาหวานประเภทที่ 2



5. อบเชย แค่กินวันละ 1/4-1/2 ช้อนชา สามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรต์ได้ในคนที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2

6. ขิง สามารถระงับอาการคลื่นไส้และอาจบรรเทาอาการจุกเสียดหน้าอก (จากโรคกรดไหลย้อน) และอาการบวมน้ำ

7. เซจ (Sage) เครื่องเทศชนิดนี้ช่วยลดคอเลสเตอรอลและความดันโลหิตและโดยทั่วไปช่วยลดความเสี่ยงของคุณในการเป็นโรคหัวใจได้

8. สะระแหน่ อุดมด้วยวิตามินซีและเอ สามารถช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยและอาการระคายเคืองในระบบขับถ่าย

9. กระเทียม ทำลายเซลล์มะเร็งและอาจขัดขวางการเผาผลาญพลังงานของเซลล์เนื้อร้าย คาเรน คอลลินส์ นักโภชนาการที่ปรึกษาของ American Institute for Cancer Research บอกเช่นนั้น และการศึกษาบ่งชี้ว่าการกินกระเทียมสองหัวต่อสัปดาห์ให้ประโยชน์ในการป้องกันมะเร็งได้ โดยหลังจากสับกระเทียมแล้วให้ทิ้งไว้สัก 10-15 นาทีก่อนนำไปปรุงอาหาร เพื่อให้สารเคมีที่มีประโยชน์ซึมซาบออกมา

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

15 อาหารต้าน ภูมิแพ้



ร้อยละ 70ของคนบนโลกนี้มีอาการภูมิแพ้ ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว คุณเองก็อาจเป็นหนึ่งในนั้น แต่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป เพราะเรารับมือกับโรคภูมิแพ้ได้ด้วยอาหารการกิน โดยเฉพาะอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์เควอเซทิน (quercetin)

ดร.แอสทริด ปูจารี ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรรักษาโรคเคยให้สัมภาษณ์ไว้ใน The Seattle Times ว่า เควอเซทินซึ่งเป็นสารต้านอาการแพ้และลดการอักเสบนั้น มีฤทธิ์ควบคุมการปล่อยสารก่อภูมิแพ้ได้ด้วย จึงลดโอกาสเกิดโรคได้อย่างชะงัด

นี่คือ 15
ผักผลไม้ที่คุณจะพบสารเควอเซทินมากที่สุดตามลำดับค่ะ หัวหอม ผักโขม แอปเปิล องุ่น แครอท บร็อกโคลี บลูเบอร์รี ผักกาดหอม ลูกพลัม แบล็คเบอร์รี ราสพ์เบอร์รี พริกหวาน สตรอว์เบอร์รี่ มะเขือเทศ และลูกแพร์ เท่านี้ก็คลายกังวลเรื่องภูมิแพ้ไปได้เยอะเลยล่ะ

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ล้างพิษ ด้วย ชาเขียว

ชาเขียว เครื่องดื่มยอดฮิตที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณเป็นยา บำบัดมายาวนานนับพันๆ ปี เพราะนอกจากชาเขียวจะเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพกายแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพใจอีกด้วย และคุณสมบัติที่โดดเด่นของชาเขียวอีกอย่างหนึ่งก็คือ การช่วยล้างพิษออกจากร่างกายได้ลึกถึงระดับเซลล์ ด้วยสาร Polyphenols ในชาเขียวสามารถออกฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่ทำหน้าที่ขจัดสารพิษในตับ (Detoxifying Enzyme) ช่วยยับยั้งขบวนการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง และพัฒนาการทำงานองแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในลำไส้

นอกจากนี้ชาเขียวยังสามารถขจัดอนุมูลอิสระช่วยให้หลอดเลือดและหัวใจทำงานดีขึ้น ผิวพรรณสดใสและสนับสนุนการทำงานของเอ็นไซม์ในตับซึ่งเป็นเหมือนโรงงานขจัด สารพิษจากอาหารแห่งเดียวของร่างกาย จึงนับว่าการบริโภคชาเขียวเป็นการล้างพิษทางกายภาพที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ที่สุดค่ะ


ผลที่ได้รับจากการล้างพิษด้วยชาเขียว
ระบบขับถ่ายของเราจะค่อยๆ ดีขึ้นปัญหาท้องผูกและอาการร้อนในลดลง
โอกาสเกิดโรคมะเร็งในทางเดินอาหารลดน้อยลงกว่าผู้ที่ไม่ได้บริโภคชาเขียว
ผิวพรรณจะค่อยๆ สดใส ไม่หมองคล้ำ ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น
ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคความจำเสื่อม
ตับมีสุขภาพดี
ที่สำคัญที่สุดยังห่างไกลจากโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคเรื้อรังต่างๆ ได้อีกด้วย

วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2554

เคท มิดเดิลตัน เจ้าหญิงเเห่งราชวงค์อังกฤษ



ข่าวการเตรียมอภิเษกสมรสกับเจ้าชายวิลเลียม นอกจากจะทำให้ เคท มิดเดิลตัน กลายเป็นสมาชิกคนล่าสุดของราชวงศ์วินด์เซอร์แห่งอังกฤษแล้ว ยังถูกจับตามองว่าจะกลายเป็นผู้นำโลกแฟชั่นคนใหม่ ซึ่งครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงไดอาน่า เคยได้รับการยกย่องมาก่อน

เคท มิดเดิลตัน พระสหายคนสนิทของเจ้าชายวิลเลียมที่คบหากันมากว่า 7 ปี ได้รับยกย่องจากสื่อถึงรสนิยมอันเป็นเลิศในการแต่งกายด้วยภาพลักษณ์อันเป็นธรรมชาติ แต่แฝงด้วยสไตล์ทุกครั้งที่ออกสื่อ กระทั่งการประกาศข่าวการหมั้น ทำให้ผู้เชี่ยวชาญวงการแฟชั่นต่างพร้อมใจกันยกให้ มิดเดิลตัน เป็นผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำกระแสของวงการแฟชั่นคนใหม่ เหมือนครั้งที่เจ้าหญิงไดอาน่า พระมารดาของเจ้าชายวิลเลียมเคยได้รับการยกย่องจากวงการแฟชั่นโลกมาก่อน

ด้วยสไตล์ที่สมบูรณ์แบบของ มิดเดิลตัน ไม่เพียงเห็นได้จากงานที่เป็นทางการ แต่บ่อยครั้งในงานอย่างการแข่งขันกีฬาขี่ม้าหรือโปโล มิดเดิลตัน ได้กลายเป็นจุดสนใจของคนในงานด้วยชุดที่เรียบง่ายอย่างหมวกปีกกว้างและกางเกงยีนส์เท่านั้น ทำให้ที่ผ่านมามีการตั้งเว็บบล็อกเพื่ออุทิศให้กับแนวทางการแต่งตัวของเธอมาแล้ว แม้จะเกิดมาในครอบครัวที่มั่งคั่งแต่ "มิดเดิลตัน" ชื่นชอบที่จะหาซื้อเสื้อผ้าจากร้านค้าทั่วไป เช่นครั้งที่ซื้อชุดราคา 40 ปอนด์จากร้าน Topshop ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ ทำให้ 24 ชั่วโมงต่อมาชุดแบบเดียวกันนั้นทุกขนาดถูกกว้านซื้อจนหมดอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการรักษาภาพลักษณ์อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะในงานปาร์ตี้หรือบางครั้งที่ผิดพลาดในการเลือกชุดออกงานก็ผ่านมาได้ทุกครั้งด้วยอารมณ์ขันและเสน่ห์ที่เหลือเฟือ



จากนี้ทั่วโลกคงจับตามอง มิดเดิลตัน ว่าจะเลือกดีไซเนอร์คนไหนมาออกแบบชุดที่จะใช้ในพิธีอภิเษกสมรส ซึ่งผู้สัดทัดกรณีเชื่อว่าชุดที่จะใช้ในพิธีอภิเษกสมรสที่สำคัญที่สุดของอังกฤษในรอบ 3 ทศวรรษนี้จะเป็นผลงานของนักออกแบบชาวอังกฤษ ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจจะเป็น อแมนด้า วาเคลีย์ หรือ บรูซ โอลฟีลด์ ผู้ที่เคยทำให้ชุดอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงไดอาน่าเมื่อปี 1981 กลายเป็นชุดแต่งงานที่ถูกเจ้าสาวทั่วโลกเลียนแบบมากที่สุดในประวัติศาสตร์มาแล้ว

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

วันคุ้มครองโลก (Earth Day)




วันคุ้มครองโลกถือกำเนิดในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 27 ปีก่อน ในวันที่ 22 เมษายน 2513 นักอนุรักษ์ธรรมชาติกลุ่มหนึ่งได้จัดให้มีการแสดงพลังครั้งใหญ่ เพื่อปลุกเร้าจิตสำนึกเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งนับวันยิ่งถูกมนุษย์ทำลาย ในการแสดงพลังครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วมกว่า 20 ล้านคนและปรากฏขึ้นตามเมืองใหญ่ ๆ เกือบทั้งสหรัฐ

หลังจากนั้นความห่วงใยปัญหาสภาพแวดล้อมของสหรัฐก็เพิ่มพูนขึ้น มีการออกกฎหมายควบคุมการกระทำที่สร้างความเสียหายให้กับธรรมชาติ สำหรับประเทศไทยเริ่มพูดถึงวันคุ้มครองโลกครั้งแรก เมื่อปี 2533 ถือเป็นการเริ่มต้นของสังคมไทยยุคเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะหลังจากสืบ นาคะเสถียร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งกระทำอัตวินิบาตกรรม และเมื่ออาจารย์และนักศึกษาร่วมกัน 16สถาบันได้จัดงานวันคุ้มครองโลกขึ้นเพื่อรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของป่าอนุรักษ์ และตระหนักถึงวิกฤตการทำลายสัตว์ป่าและป่าไม้ประเทศไทย ยังมีการจัดงานเพื่อหาทุนเข้ามูลนิธิสืบนาคะเสถียร เพื่อใช้ในการปกป้องรักษาผืนป่า ที่เป็นมรดกของโลกอีกด้วย

ความเป็นมาของวันคุ้มครองโลก
ชนวนความคิดเรื่องวันคุ้มครองโลกเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 โดยสมาชิกวุฒิสภา เกย์ลอร์ด เนลสัน (Senator Gaylord Nelson) ซึ่งต่อมาก็เป็นผู้ที่ก่อตั้งวันคุ้มครองโลกได้สำเร็จ

ก่อนที่ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมจะเข้าไปสู่ความสนใจของประชาคมโลก พลเมืองโลกระดับรากหญ้า ได้ตระหนักถึงปัญหาความเสื่อมโทรมทางสิ่งแวดล้อม ที่ปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปอย่างเด่นชัดเป็นอย่างดี ในทางกลับกันนักการเมืองระดับประเทศกลับมองไม่เห็น ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า หัวข้อเรื่องสิ่งแวดล้อมดังกล่าว จะไม่เคยได้รับการบรรจุเข้าไปในวาระการประชุมทางการเมืองระดับชาติเลย

อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องการกำหนดให้มีวันคุ้มครองโลกขึ้นก็มีความผันแปรเรื่อยมา จากครั้งแรกที่มีการนำเสนอตลอดระยะเวลา 7 ปีของการรณรงค์ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2512 วุฒิสมาชิกเนลสัน ได้ตัดสินใจจัดให้มีการชุมนุมประชากรระดับรากหญ้าทั่วประเทศขึ้น เพื่อแสดงความคิดเห็นในปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม และได้เชิญชวนทุกๆ คนให้เข้าร่วมในการชุมนุมดังกล่าว ผลจากความห่วงใยเรื่องวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ของคนในสังคมขณะนั้น ทำให้กลุ่มคนจำนวนมากเข้าร่วมการชุมนุมในครั้งนั้น ซึ่งเป็นที่ปรากฏชัดว่า กิจกรรมชุมนุมดังกล่าวเป็นการนำไปสู่ความสำเร็จอันงดงามของการก่อตั้งวันคุ้มครองโลกขึ้น
ในที่สุด วันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2513 “วันคุ้มครองโลก” ก็ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก นิตยสาร อเมริกัน เฮริเทจ (American Heritage Magazine) ฉบับเดือนตุลาคม พ.ศ. 2536 ได้หวนรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “เป็นเหตุการณ์ที่โดดเด่นที่สุดเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์


Earth Day

Earth Day is a day that is intended to inspire awareness and appreciation for the Earth's natural environment. Earth Day was founded by United States Senator Gaylord Nelson as an environmental teach-in first held on April 22, 1970. While this first Earth Day was focused on the United States, an organization launched by Denis Hayes, who was the original national coordinator in 1970, took it international in 1990 and organized events in 141 nations. Earth Day is now coordinated globally by the Earth Day Network, and is celebrated in more than 175 countries every year. Numerous communities celebrate Earth Week, an entire week of activities focused on environmental issues. In 2009, the United Nations designated April 22 International Mother Earth Day.

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

ข้าวโอ๊ต กับคุณประโยชน์ที่มากกว่าความอร่อย



ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ต และข้าวโอ๊ต คุ้นๆ กันใช่ไหมคะกับคำๆ นี้ ที่มักจะเป็นส่วนผสมของอาหารธัญพืชต่างๆ ที่มีจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป แต่ถ้าจะถามว่าข้าวโอ๊ต รูปร่างหน้าตาเป็นแบบใด หรือมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง

หลายคนอาจจะยังสงสัย และนึกภาพกันไม่ออก วันนี้เราจะมาเจาะลึกเคล็ดลับความอร่อยของข้าวโอ๊ต พร้อมคุณประโยชน์ต่อร่างกายที่จะกลายมาเป็นเมนูอร่อยๆ มื้อต่อไปของคุณสาวๆ แน่นอนค่ะ

เหตุผลดีๆ ที่ข้าวโอ๊ตมีประโยชน์
ข้าวโอ๊ตมักนิยมนำมารับประทานเป็นอาหารเช้า เพราะเป็นธัญพืชที่ให้พลังงานสูง แต่ให้ไขมันที่ต่ำ มีวิตามินและเกลือแร่ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานได้อย่างทันที และสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ข้าวโอ๊ตจึงนับเป็น

อาหารที่ทำให้เราได้รับสารอาหารที่หลากหลาย มีเส้นใยมาก ทำให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะลำไส้เราทำงานได้เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดอาการท้องผูก จึงดูดซึมน้ำตาลไขมันของเสียต่างๆ ได้ดี ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ทำให้เรารู้สึกอิ่มนาน ไม่หิวระหว่างมื้อบ่อยๆ นอกจากนี้ยังมีสารประกอบที่สำคัญคือ เบต้ากลูแคน เป็นเส้นใยอาหารที่สามารถละลายในน้ำได้ดี มีคุณสมบัติคอยดูดซับคอเลสตอรอลในลำไส้เล็ก และปล่อยเป็นของเสียออกจากร่างกาย การรับประทานข้าวโอ๊ตจึงช่วยในการลดคอเลสตอรอล ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน และโรคหัวใจได้ผลดี ซึ่งองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (USFDA) รับรองผลการศึกษาวิจัยว่า หากร่างกายได้รับเบเต้ากลูแคนอย่างน้อย 3 กรัมต่อวันจะสามารถช่วยลดปัญหาคอเลสเตอรอลได้ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอล และผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

ข้าวโอ๊ต กินอย่างไรได้ประโยชน์?
เรามักนิยมนำข้าวโอ๊ตมารับประทานเป็นอาหารเช้าเพื่อสุขภาพ เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน ข้าวโอ๊ต 100 กรัม ให้พลังงาน 390 กิโลแคลอรี (1,630 กิโลจูล) คาร์โบไฮเดรต 66 กรัม ไขมัน 7 กรัม โปรตีน 17 กรัม วิตามินบี 5 1.3 มิลลิกรัม ธาตุเหล็ก 5 มิลลิกรัม แมกนีเซียม 177 มิลลิกรัม และกากใยไฟเบอร์ชนิดไม่ละลายน้ำ 4 กรัม เราสามารถนำข้าวโอ๊ตมาปรุงเป็นหลากหลายเมนูอร่อยได้ไม่ซ้ำ สามารถรับประมานได้ตลอด และรวดเร็ว เหมาะกับวิถีชีวิตชาวเมืองที่รีบเร่งของทุกวันนี้ด้วยค่ะ สบายอารมณ์มีสูตรข้าวโอ๊ตอร่อยๆ มานำเสนอ เผื่อสาวๆ อยากจะทำรับประทานที่บ้านบ้างก็ไม่ว่ากันค่ะ

• ตอนเช้าๆ ลองซื้อน้ำเต้าหู้เจ้าอร่อย หรือนมสดสักแก้ว แล้วผสมข้าวโอ๊ตลงไป (หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไปค่ะ) พร้อมลูกเกด ผลไม้สดต่างๆ เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง ถั่วลิสง ช่วยเพิ่มพลังให้เช้านี้อย่างสดใส อิ่มท้องอยู่นานไปจนมื้อเที่ยงเลยค่ะ

• โจ๊กข้าวโอ๊ตร้อนๆ นำข้าวมาต้มให้เปื่อยจนกลายเป็นโจ๊ก แล้วปรุงน้ำซุปให้ได้รสชาติตามต้องการ จากนั้นเติมข้าวโอ๊ตลงไป ตามด้วยหมูสับ และผักตามชอบสับละเอียด ก็จะได้โจ๊กข้าวโอ๊ตร้อนๆ มากคุณค่า

ข้าวโอ๊ตกับความงาม
นอกจากนี้ข้าวโอ๊ตยังสามารถนำมาใช้บำรุงความสวยความงามของสาวๆ กันได้อีกมากมาย นำมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ เช่น แชมพู โลชั่นทาผิว สบู่ข้าวโอ๊ต เพราะข้าวโอ๊ตมีวิตามินอี เป็นกลีเซอรีนตามธรรมชาติ คงความชุ่มชื่นของผิวได้ดี นอกจากนี้เรายังสามารถนำข้าวโอ๊ตมาผสมกับน้ำผึ้ง แล้วนำมาสครับผิวได้อีกด้วยค่ะ หรือสามารถนำมาผสมน้ำอาบ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ขึ้น แต่ไม่มัน เพราะมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยดูดซับความมันออกจากผิวได้